กรมธุรกิจพลังงานชี้ยอดใช้น้ำมันเพิ่ม
นายวิฑูรย์
กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) เปิดเผยว่า ภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวันช่วงครึ่งแรกของปี
2560 (มกราคม ? มิถุนายน 2560)
เติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับ ช่วงเดียวกันของปี 2559
โดยกลุ่มน้ำมันเบนซิน เพิ่มขึ้น 4.3% และกลุ่มดีเซล เพิ่มขึ้น 2.3% ขณะที่แอลพีจีเพิ่มขึ้น
2.3% ส่วนเอ็นจีวีลดลง 14.0%
การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินเฉลี่ย
อยู่ที่ 29.8 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 4.3%
ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของน้ำมันกลุ่มเบนซินเกือบทุกชนิดยกเว้นน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์
91 โดยน้ำมันเบนซินมีการใช้ลดลงเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 1.3 ล้านลิตร/วัน
คิดเป็นอัตราลดลง 6.0% และแก๊สโซฮอล์ 91 มีการใช้ลดลงเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 10.8
ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราลดลง 3.7%
สำหรับภาพรวมการใช้น้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
เฉลี่ยอยู่ที่ 28.6 ล้านลิตร/วัน คิดเป็น 4.8% โดยแก๊สโซฮอล์อี 85
มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นมากที่สุด อยู่ที่ 1.0 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น
22.6% เนื่องจากปัจจุบันมีรถยนต์ผลิตใหม่ที่รองรับแก๊สโซฮอล์อี 85 เข้าสู่ท้องตลาดมากขึ้น
รองลงมาเป็นแก๊สโซฮอล์ 95 มีปริมาณการใช้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยอยู่ที่ 11.6
ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 11.2%
เนื่องมาจากราคาที่ปรับตัวใกล้เคียงกันกับแก๊สโซฮอล์ 91
ทำให้ประชาชนเลือกใช้น้ำมันชนิดที่มีค่าออกเทนสูงกว่า ในขณะเดียวกันแก๊สโซฮอล์อี
20 มีการใช้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 5.1 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 7.8%
ขณะที่การใช้กลุ่มน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว
(บี7) เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 65.4 ล้านลิตร/วัน
เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 2.3%
ถึงแม้ว่าราคาขายปลีกจะปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2559
แต่ปริมาณการใช้ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามการเติบโตทางเศรษฐกิจและปริมาณรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงมีปริมาณเพิ่มขึ้น
4.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (อ้างอิงข้อมูลกรมการขนส่งทางบก
สิ้นเดือน พ.ค. 2560)
ส่วนการใช้แอลพีจีเฉลี่ยต่อวันในช่วงครึ่งแรกของปี
2560 อยู่ที่ 16.6 ล้าน กก./วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 2.3%
ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของการใช้ทุกภาคยกเว้นภาคขนส่ง
ที่มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 3.7 ล้าน กก./วัน คิดเป็นอัตราลดลง 9.5%
สำหรับการใช้ในภาคอื่นๆ มีอัตราการใช้เพิ่มขึ้น โดยภาคปิโตรเคมีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นสูงที่สุดอยู่ที่
5.4 ล้าน กก./วัน คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 12.6%
รองลงมาเป็นภาคอุตสาหกรรมมีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 1.7 ล้าน กก./วัน
คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 5.5% และภาคครัวเรือนเฉลี่ยอยู่ที่ 5.8 ล้าน กก./วัน
คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 1.4%
การใช้เอ็นจีวีช่วง
ครึ่งแรกของปี 2560 เฉลี่ยอยู่ที่ 6.9 ล้าน กก./วัน
ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 14.0% โดยการใช้เอ็นจีวีลดลงเนื่องจากเป็นผลต่อเนื่องจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงปรับตัวลดลงตั้งแต่ต้นปี
2559 ทำให้ประชาชนและรถบรรทุกสินค้าหันไปใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยมา
และส่งผลให้มีสถานีบริการเอ็นจีวีทยอยปิดตัวลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
สำหรับการนำเข้าส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 มีปริมาณนำเข้ารวมเพิ่มขึ้น
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปริมาณการนำเข้านำมันดิบเฉลี่ย 6 เดือน
อยู่ที่ 868พันบาร์เรล/วัน คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 4.2%
โดยมีมูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบคิดเป็น 50,481 ล้านบาท/เดือน
สำหรับน้ำมันสำเร็จรูปมีปริมาณนำเข้าลดลงอยู่ที่ 74 พันบาร์เรล/วัน
คิดเป็นอัตราการลดลง 3.9% และมีมูลค่าการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปอยู่ที่ 4,834
ล้านบาท/เดือน สำหรับการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป
เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พบว่า มีการนำเข้าน้ำมันอากาศยาน
น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเบนซินพื้นฐานชนิดที่ 1น้ำมันเตาและLPG (รวมโพรเพนและบิวเทน) เฉลี่ยลดลงจากปีก่อน
ขณะเดียวกันพบว่ามีการนำเข้าน้ำมันเบนซินพื้นฐานชนิดที่ 2 เพิ่มมากขึ้น
ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการใช้แก๊สโซฮอล์ 95 และแก๊สโซฮอล์ อี20
ในประเทศมีปริมาณที่สูงขึ้นกว่าปีก่อน
ส่วนแอลพีจี (รวมโพรเพนและบิวเทน) มีการนำเข้ามาในประเทศ 43 ล้าน
กก./เดือน ซึ่งมีอัตราลดลง 8.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559
เนื่องจากเป็นช่วงเปิดเสรีการนำเข้าและส่งออกแอลพีจีจึงมีผู้ค้าบางรายลดปริมาณการนำเข้า
เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมและจัดหาแอลพีจีให้ไม่เกินปริมาณความต้องการในประเทศ
สำหรับปริมาณการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปี
2559 อยู่ที่ 161 พันบาร์เรล/วัน คิดเป็นอัตราการส่งออกเพิ่มขึ้นประมาณ 4.5%
โดยมีมูลค่าการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปเฉลี่ย 9,827
ล้านบาท/เดือน โดยพบว่า มีการส่งออกน้ำมันดีเซลพื้นฐานและน้ำมันเบนซิน 95 ลดลง