3 ทศวรรษ PTG เดินหน้าเติบโต-ต่อยอดธุรกิจ
non-oil
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด
(มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ในปี 2561
จะเป็นปีที่ครบรอบ 30 ปี และก้าวขึ้นสู่ปีที่ 31
ของบริษัทฯ ซึ่งบริษัทฯยังคงเดินหน้าในการขยาย และต่อยอดธุรกิจ non-oil จากรากฐานธุรกิจน้ำมันอยากต่อเนื่อง
โดยมีเป้าหมายในการเป็นสถานีบริการน้ำมันอันดับ 1
ในใจคนไทย เพื่อให้คนไทยทั่วประเทศได้รับสินค้า และบริการที่มีคุณภาพ
และได้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งในปีนี้บริษัทตั้งเป้าที่จะขยายสถานีบริการน้ำมัน
และจุดให้บริการต่าง ๆ เพื่อเข้าถึงลูกค้ารวมกว่า 2,700
จุด แบ่งเป็นสถานีบริการน้ำมันที่มากที่สุดในประเทศไทยด้วยจำนวนมากกว่า 2,000
สถานี และจุดให้บริการอื่น ๆ เช่น ร้าน MAX MART, ร้านกาแฟพันธุ์ไทย,
Coffee World, Autobacs, สถานีเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง PT
Maxnitron, Max Camp และ Pro Truck รวมอีกกว่า
700 จุด ด้วยเป้าจำนวนสมาชิกบัตร max card จำนวน
9.6 ล้านสมาชิก
ในขณะเดียวบริษัทฯ
ตั้งเป้าหมายปริมาณการจำหน่ายน้ำมันให้เพิ่มขึ้น 20-25%
จากปีก่อน ในขณะที่ EBITDA ในปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตอยู่ที่ระดับ 40-45%
จากปีก่อน รวมถึงบริษัทฯจะยังคงบริหารต้นทุนสินค้าให้ได้มีประสิทธิภาพสูงสุด
และควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมตามนโยบาย
ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้างบลงทุนที่ 4,000-5,000
ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในการขยายและปรับปรุงธุรกิจหลัก 3,000-3,300
ล้านบาท ธุรกิจ Non-oil 500-700 ล้านบาท และธุรกิจใหม่ 500-1,000
ล้านบาท เพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่มขององค์กรในระยะยาว
"ในโอกาสที่ PTG ครบ
3 ทศวรรษ เรายังคงมุ่งมั่นที่จะเติบโตจากการสร้างรากฐานในธุรกิจน้ำมัน
สู่การต่อยอด และเติบโตในธุรกิจ non-oil อย่างมั่นคง
รวมถึงสร้างสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้า ผ่านเครือข่ายพันธมิตร ผ่านบัตรสมาชิก PT
Max Card ที่มีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงการมองหาการเติบโตผ่านธุรกิจใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
เพื่อมุ่งมั่นที่จะเป็นที่ 1 ในใจคนไทยทั่วประเทศให้ได้
เพื่อให้ลูกค้าได้ผลประโยชน์สูงสุด เพื่อสร้างความมั่นคง และเติบโตให้กับองค์กร
และก้าวขึ้นสู่ปีที่ 31 อย่างมั่นคง และยั่งยืน" นายพิทักษ์กล่าว
ทั้งนี้ผลประกอบการของบริษัทฯประจำปี 2560
สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560
บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 913 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทฯ
มีรายได้รวมอยู่ที่ 84,625 ล้านบาท