PTGตั้งเป้าวอลุ่มขายโต 20-25% EBITDA โต
40-45%
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด
(มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ในปี 2561 บริษัทฯ
ตั้งเป้าหมายปริมาณการจำหน่ายน้ำมันจะเติบโตอยู่ที่ระดับ 20-25% จากปีก่อน
ที่มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันอยู่ที่ 3,377 ล้านลิตร ในขณะเดียวกันตั้งเป้า EBITDA
ในปีนี้จะเติบโตอยู่ที่ระดับ 40-45% จากปีก่อน
ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 2
ทั้งนี้บริษัทฯจะยังคงบริหารต้นทุนสินค้าให้ได้มีประสิทธิภาพสูงสุด และควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมตามนโยบาย
โดยบริษัทฯตั้งเป้างบลงทุนที่ 4,000-5,000 ล้านบาท
แบ่งเป็นการลงทุนในการขยายและปรับปรุงธุรกิจหลัก 3,000-3,300 ล้านบาท ธุรกิจ Non-oil
500-700 ล้านบาท และธุรกิจใหม่ 500-1,000 ล้านบาท เพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่มขององค์กรในระยะยาว
ในขณะที่ในปีนี้จะเป็นปีที่ครบรอบ 30
ปี และก้าวขึ้นสู่ปีที่ 31 ของบริษัทฯ ซึ่งบริษัทฯยังคงเดินหน้าในการขยาย
และต่อยอดธุรกิจ non-oil จากรากฐานธุรกิจน้ำมันอยากต่อเนื่อง
โดยมีเป้าหมายในการเป็นสถานีบริการน้ำมันอันดับ 1 ในใจคนไทย
เพื่อให้คนไทยทั่วประเทศได้รับสินค้า และบริการที่มีคุณภาพ และได้ประโยชน์สูงสุด
ซึ่งในปีนี้บริษัทตั้งเป้าที่จะขยายสถานีบริการน้ำมัน และจุดให้บริการต่าง ๆ
เพื่อเข้าถึงลูกค้ารวมกว่า 2,700 จุด
ทั้งสถานีบริการน้ำมันที่มากที่สุดในประเทศไทยด้วยจำนวนมากกว่า 2,000 สถานี
และจุดให้บริการอื่น ๆ เช่น ร้าน MAX MART, ร้านกาแฟพันธุ์ไทย,
Coffee World, Autobacs, สถานีเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง PT
Maxnitron, Max Camp และ Pro Truck รวมอีกกว่า
700 จุด ด้วยเป้าจำนวนสมาชิกบัตร max card จำนวน 9.6 ล้านสมาชิก
ทั้งนี้บริษัทฯคาดว่าจะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ได้ภายในไตรมาสที่
1 ของปี 2561 โดยโครงการดังกล่าวจะมีกำลังการผลิตไบโอดีเซล 450,000 ลิตรต่อวัน
และน้ำมันปาล์มเพื่อบริโภค 200,000 ลิตรต่อวัน
โครงการดังกล่าวจะสามารถรับรู้รายได้เต็มปี อยู่ที่ประมาณ 5,000 – 6,000
ล้านบาทต่อปี ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 40 โดยโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์
ดำเนินการโดยบริษัท พีพีพี กรีน คอมเพล็กซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง
บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG กับพันธมิตรอีก
2 ราย ที่มีประสบการณ์ด้านธุรกิจปาล์มน้ำมันมาอย่างยาวนาน มากกว่า 20 ปี
โดยโครงการนี้ เป็นโครงการที่สร้างมาจากแนวคิดในการผลิตแบบ Zero Waste ที่สามารถนำสิ่งเหลือใช้กลับมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด
และการบูรณาการเพื่อบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
"ในปีนี้เรายังคงมุ่งมั่นที่จะเติบโตจากการสร้างรากฐานในธุรกิจน้ำมันทั้งในเรื่องของปริมาณการขาย
และสถานีให้บริการเพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
สู่การต่อยอด และเติบโตในธุรกิจ non-oil อย่างมั่นคง
รวมถึงการมองหาการเติบโตผ่านธุรกิจใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
เพื่อมุ่งมั่นที่จะเป็นที่ 1 ในใจคนไทยทั่วประเทศให้ได้ เพื่อสร้างความมั่นคง
และเติบโตให้กับองค์กร" นายพิทักษ์กล่าว
ทั้งนี้ผลประกอบการของบริษัทฯประจำปี
2560 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 913 ล้านบาท
ในขณะที่บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 84,625 ล้านบาท