บีซีพีจีลงทุนต่อเนื่อง ปรับทัพรับ Digital
Energy
นายบัณฑิต สะเพียรชัย
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บีซีพีจี กล่าวว่าหลังจากไตรมาสแรกของปี 2561 ผ่านไป
บริษัทก็ยังสามารถดำเนินธุรกิจไปตามแผนที่ตั้งไว้เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ด้วยการเข้าสู่การทำธุรกิจกับลูกค้ารายย่อยที่มีศักยภาพพร้อมลงทุนติดตั้งแผงโซลาร์รูฟท็อปผลิตไฟใช้เองในประเทศเป็นหลัก
ในขณะที่การลงทุนออกในต่างประเทศก็ยังมีโครงการใหม่ๆ ที่น่าสนใจมาให้พิจารณาโดยตลอด
จากเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ในปีนี้ประมาณ
130-150 เมกะวัตต์นั้น บริษัทฯ มีแผนขยายธุรกิจด้วยการควบรวมและการซื้อกิจการ (M&A)
และสร้างโรงไฟฟ้าขายเข้าระบบหรือการลงทุนในธุรกิจแบบ Wholesale
ประมาณ 100 เมกะวัตต์ มีเป้าหมายหลักอยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ในขณะที่ส่วนที่เหลือจะมาจากการทำธุรกิจแบบ Retail หรือการทำตลาดกับผู้บริโภคโดยตรงร่วมกับพันธมิตรหลากหลายองค์กร
ด้วยการนำนวัตกรรมทันสมัยมาใช้ในการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป โดยโครงการพัฒนา Smart Community ร่วมกับ
บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เป็นต้นแบบ
ซึ่งจะเริ่มดำเนินการได้ประมาณช่วงต้นไตรมาส 3 ของปีนี้
ในขณะที่โครงการโซลาร์รูฟท็อปสถานีบริการน้ำมันบางจาก
คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในปีนี้ราว 20-30 แห่ง
และยังมองโอกาสดำเนินการในพื้นที่ต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงงานอุตสาหกรรม
โรงเรียน เป็นต้น
"บีซีพีจีมีพาวเวอร์เล็ดเจอร์จากออสเตรเลียเป็นพันธมิตรในการนำเทคโนโลยี
blockchain มาใช้ในการบริหารจัดการไฟฟ้า
เน้นการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้กับผู้บริโภคโดยตรง
เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยไม่เพียงแต่ซื้อขายไฟฟ้าทางอินเตอร์เน็ตเท่านั้น
เราจะทำให้เกิดการใช้ไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ด้วยการจัดการไฟฟ้าให้ตอบสนองต่อความต้องการการใช้ไฟฟ้าในแต่ละช่วงเวลาของผู้ใช้แต่ละราย
เรามีโครงการที่ทำร่วมกับแสนสิริเป็นโครงการต้นแบบ และเมื่อเร็วๆ นี้ก็ได้ลงนามใน MOU
กับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
โดยมีเป้าหมายหลักในการนำนวัตกรรมนำสมัยไปใช้ในการบริหารจัดการไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียนให้กับลูกค้าของแต่ละหน่วยงาน
นอกจากนี้ เรายังมีการเจรจากับผู้ประกอบการหลายรายขนานกันไป เพื่อนำนวัตกรรมมาช่วยให้การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
เป็นผลดีต่อประเทศชาติในภาพรวม" นายบัณฑิตกล่าว
นายบัณฑิตกล่าวต่อว่า
โครงการของบริษัทฯ
ในปัจจุบันที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ทั้งในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น
ก็ยังเป็นไปตามแผน โดยโครงการโกเต็มบะ
โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ญี่ปุ่นล่าสุดของบีซีพีจี
ตั้งอยู่ที่เมืองโกเต็มบะ (Gotemba) จังหวัดชิซูโอกะ (Shizuoka) ห่างจากกรุงโตเกียวประมาณ
90 กิโลเมตร จะเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์จำหน่ายไฟฟ้าในราคา 32 เยนต่อ kWh
ในวันที่ 16 เมษายน 2561 ทั้งนี้ โครงการโกเต็มบะซึ่งมีกำลังการผลิต
4.5 เมกะวัตต์ ได้เปิดดำเนินการด้วยการขายไฟฟ้าในราคาขายส่ง 6.8 เยนต่อ kWh
มาตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2560
ในขณะที่โครงการโซลาร์ฟาร์มสำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตรกับองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์
กำลังการผลิต 9 เมกะวัตต์ ก็จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ประมาณกลางปีนี้
"บีซีพีจีเป็นบริษัทเล็กๆ แต่ก้าวเร็ว
เพียงไม่ถึง 2 ปีหลังจากการก่อตั้งเราก็สามารถเติบโตในแง่ของเมกะวัตต์เทียบเท่า 1,000
เมกะวัตต์พลังงานแสงอาทิตย์เรียบร้อยแล้ว ในวันนี้เรามีธุรกิจผลิตไฟฟ้าจาก 3
เทคโนโลยีใน 4 ประเทศ ขณะนี้เรากำลังเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มจากไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียนด้วยการนำนวัตกรรมล้ำสมัยมาใช้
ในขณะที่องค์กรของเราเองก็มีการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับ Digital Energy ด้วยการปรับองค์กรและสรรหาบุคลากรที่เหมาะสมมาร่วมงาน
อย่างไรก็ดี เราก็ยังไม่ละทิ้งการสร้างฐานผ่านการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศต่างๆ
ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งตั้งแต่ต้นปีมาก็มีการพิจารณาอยู่หลายโครงการ
ถ้ามีความคืบหน้าที่สามารถเปิดเผยได้ จะรีบมาแจ้งข่าวดีให้ทราบทันที" นายบัณฑิตกล่าวทิ้งท้าย