"ศิริ"ลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.บุรีรัมย์และสุรินทร์
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงจากกระทรวงพลังงาน
ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการในจังหวัดบุรีรัมย์และสุรินทร์ (ระหว่างวันที่ 7-8
พ.ค.2561) ซึ่งเป็นภารกิจก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่
โดยกระทรวงพลังงานได้ติดตามโครงการด้านพลังงานที่สำคัญ ๆ
ทั้งด้านการสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การใช้ประโยชน์จากพลังงานทดแทน
เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้แก่ประชาชนในพื้นที่ โดยการตรวจเยี่ยมโครงการที่สำคัญๆ
ได้แก่
โครงการสนับสนุนการลงทุนการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ในโรงพยาบาลของรัฐ
(Matching Fund) ซึ่งดำเนินการโดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน
(พพ.) ที่ได้เข้าสนับสนุนการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ด้านพลังงานในโรงพยาบาลสตึก อ.สตึก
จ.บุรีรัมย์ โดยลักษณะโครงการฯ พพ. ได้ให้การสนับสนุนเงินลงทุนร้อยละ 70
ของการเงินลงทุน โดยได้สนับสนุนใน 2 มาตรการที่สำคัญ ได้แก่ การเปลี่ยนหลอดฟลูออเรสเซนต์ 36 วัตต์
เป็นหลอดแอลอีดี 18 วัตต์ จำนวน 1,047 หลอด เปลี่ยนหลอดฟลูออเรสเซนต์ 18
วัตต์ เป็นหลอดแอลดีดี 9 วัตต์ จำนวน 30
หลอด และการติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบบอินเวอร์เตอร์
ทดแทนเครื่องปรับอากาศแบบเดิม
ซึ่งจากการสนับสนุนดังกล่าว โรงพยาบาลสตึกสามารถลดการใช้ไฟฟ้าได้ประมาณ
92,000 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้สูงถึงประมาณปีละ 360,000
บาท และสามารถคืนทุนได้เพียง 1 ปีเศษ
โครงการระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์สู้ภัยแล้ง ณ
กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มอินทรีย์บ้านโนนสำราญ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์
ที่เป็นตัวอย่างวิสาหกิจที่ประสบความสำเร็จ โดยจากภาพรวมโครงการหลักทั้งหมด
ซึ่งกระทรวงพลังงานได้สนับสนุนทั่วพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ทั้งสิ้น 35 ระบบ
ครอบคลุมพื้นที่ 8,433 ไร่ และมีเกษตรกรได้ประโยชน์ถึง 279 ราย
นอกจากนี้ยังได้เพิ่มการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ 54,000 วัตต์
ช่วยให้เกษตรกรลดการใช้น้ำมันดีเซล 13,211 ลิตรต่อปี
หรือช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ประมาณปีละ 340,000 บาท
การเข้าเยี่ยมชมโรงไฟฟ้าชีวมวลมุ่งเจริญ
ไบโอแมส ซึ่งมีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้า 17 เมกะวัตต์
และได้ตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าของชาว อ.เมือง จ.สุรินทร์ ได้ประมาณ 33%
โดยโรงไฟฟ้าชีวมวลมุ่งเจริญ ฯ ได้ทำสัญญาขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้า ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) 15.5 เมกะวัตต์ เป็นระยะเวลา 25 ปี
เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ระบบ 115 เควี ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เมื่อวันที่ 5
กันยายน 2555
โดยโรงไฟฟ้าฯ ใช้เชื้อเพลิงแกลบเป็นหลัก ปีละประมาณ 100,000 ตัน
ประมาณร้อยละ 40-60% ส่วนวัตถุดิบที่เหลือ
เป็นเศษไม้และเปลือกไม้
ทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มในวัสดุเหลือใช้ภาคเกษตรกรรมปีละประมาณ 130 ล้านบาท
ลดก๊าซเรือนกระจก ปีละประมาณ 70,000 ตัน
ลดการใช้ก๊าซธรรมชาติปีละประมาณ 10,000 ล้านลูกบาศก์ฟุต หรือคิดเป็นเงินกว่า 300
ล้านบาท จ้างงานแรงงานในท้องถิ่นกว่า 170 ตำแหน่ง ช่วยลดปัญหาการอพยพแรงงาน
ส่งผลให้สถาบันครอบครัวมีความอบอุ่น และเข้มแข็งขึ้น
นอกจากนี้ ภายหลังการประชุมครม.
นอกสถานที่ (ในวันอังคารที่ 8 พ.ค.) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
จะได้มอบนโยบายการดำเนินงานให้แก่พลังงานจังหวัดในเขตพื้นที่ (สุรินทร์ บุรีรัมย์
นครราชสีมา ชัยภูมิ อุบลราชธานี ยโสธร ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ
รวมทั้งยังได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการเจาะสำรวจปิโตรเลียมบนบก แปลงสำรวจหมายเลข
L31/50 หลุมเจาะสำรวจ YPT7 ณ
บ้านหนองสรวง อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์