เปิดนโยบาย วิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการ กฟผ.
คนที่ 14
วันนี้ (28
มิถุนายน 2561) นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย
ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วม จิบน้ำชายามบ่ายกับสื่อมวลชนและพูดคุยถึงแนวทางการบริหาร
กฟผ. หลังขึ้นรับตำแหน่งผู้ว่าการ กฟผ. คนที่ 14 โดยมุ่งมั่นจะขับเคลื่อนให้ กฟผ.
เป็นองค์กรหลักในการรักษาความมั่นคงในระบบไฟฟ้าของประเทศ
ด้วยการนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและวิธีทำงานใหม่ๆ มาปรับใช้
นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย กล่าวว่า
ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเทคโนโลยีเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้องค์กรต่างๆ
รวมถึง กฟผ. ต้องเปลี่ยนวิธีการทำงานให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง โดยในด้านสังคม กฟผ.
จะปรับวิธีสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนต่อโครงการต่างๆ ในรูปแบบใหม่
ซึ่งขณะนี้ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแล้ว
โดยจะมุ่งเน้นให้ชุมชนมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น
ด้วยการสื่อสารสองทางให้ความรู้สร้างความเข้าใจกับชุมชนและสังคม
ให้ได้รับทราบข้อมูลโครงการทุกประเด็น
ทั้งข้อดีและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างเปิดเผย โปร่งใส ชุมชนสามารถซักถามแสดงความคิดเห็นได้โดยตรง
ให้ใช้สิทธิชุมชนตามกฎหมายอย่างเต็มที่
มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเพื่อนำไปสู่ข้อตกลงร่วมของชุมชนที่ชัดเจนก่อนจะทำการศึกษา
EIA – EHIA เชื่อว่าหากชุมชนยอมรับตั้งแต่ต้น
จะทำให้ดำเนินโครงการต่างๆ ตาม PDP ได้ประสบความสำเร็จ
สำหรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว
(Disruptive Technology) ทำให้พลังงานหมุนเวียนเข้ามา
มีบทบาทมากขึ้น กฟผ. จะพัฒนาโครงการต่างๆ
เพื่อให้การเพิ่มขึ้นของพลังงานหมุนเวียนนี้เป็นไปอย่างราบรื่น เช่น
พัฒนาโครงการระบบส่งไฟฟ้ารองรับพลังงานหมุนเวียนตามแผน PDP ให้แล้วเสร็จตามกำหนด
พัฒนาระบบส่งไฟฟ้าเชื่อมโยงภูมิภาคต่างๆ ให้เข้มแข็ง
พัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริดให้การผลิตและจ่ายพลังงานไฟฟ้ามีเสถียรภาพ
พัฒนาระบบกักเก็บพลังงาน เป็นต้น
รวมถึงจะนำงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบผลิตและส่งไฟฟ้า
และลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมาใช้
รวมถึงต่อยอดนวัตกรรมเดิมที่ประสบความสำเร็จแล้วมาสร้างเป็นธุรกิจใหม่ๆ
ควบคู่กันไปด้วยให้องค์กรมีการเติบโต
ทั้งนี้ กฟผ.
ไม่ได้มองเพียงมิติขององค์กรเท่านั้น
แต่ยังพร้อมส่งเสริมงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่สร้างคุณค่าให้ประเทศและสังคมโดยรวม
สนับสนุนให้พนักงาน กฟผ.
รวมถึงหน่วยงานและบุคคลภายนอกทำการวิจัยพัฒนานวัตกรรมด้านอื่นๆ
ที่ไม่เกี่ยวข้องกับพลังงานด้วย
เพื่อให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้พัฒนาประเทศอย่างไม่หยุดยั้ง
ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวด้วยว่า
ท่ามกลางความท้าทายในยุคเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก กฟผ. จะไม่เดินเพียงลำพัง
แต่จะแสวงหาพันธมิตรในการก้าวไปข้างหน้าร่วมกัน
สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ให้หน่วยงานต่างๆ
บูรณาการการใช้ทรัพยากรให้เกิดมูลค่าเพิ่มกับประเทศ โดย กฟผ.
ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตไฟฟ้าและบริหารจัดการพลังงาน ได้แสวงหาพันธมิตรที่เชี่ยวชาญด้านอื่นๆ
มาร่วมกันสร้างประโยชน์ให้กับประเทศ เช่น การบูรณาการด้านดิจิทัลและพลังงานร่วมกับ
บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน)
การแสวงหาโอกาสเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานร่วมกับ บมจ.ปตท.
การนำโครงการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ไปต่อยอดเชิงพาณิชย์ร่วมกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ
(องค์การมหาชน) ตลอดจนการสร้างการเติบโตผ่านบริษัทในกลุ่ม กฟผ. เป็นต้น
"กฟผ.
พร้อมนำนวัตกรรมและวิธีการดำเนินงานใหม่ๆ มาใช้พัฒนาองค์กรในทุกด้าน เพื่อให้ กฟผ.
เป็นองค์กรหลักในการสร้างความมั่นคงให้กับระบบไฟฟ้าของประเทศ
ให้ประเทศชาติพัฒนาและประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิมตามวิสัยทัศน์ของ กฟผ. คือ
นวัตกรรมพลังงานไฟฟ้าเพื่อชีวิตที่ดีกว่า Innovate Power Solutions for a
Better Life" ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวในที่สุด