กกพ.ตรึงค่าเอฟทีถึงสิ้นปี
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล
กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า
แนวโน้มราคาเชื้อเพลิงสำหรับการผลิตไฟฟ้าที่สูงขึ้น
และการอ่อนตัวลงของค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ
ส่งผลให้ค่าเอฟทีในช่วงเดือน ก.ย. – ธ.ค. 61 ส่วนของเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นถึง
7.46 สตางค์ต่อหน่วย โดย กกพ. ได้นำเงินค่าเอฟทีสะสม มาพยุงค่าเอฟทีในรอบนี้
โดยยังคงตรึงค่าเอฟทีไว้ที่ -15.90 สตางค์ต่อหน่วย
"ราคาเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าอย่างเช่น
ก๊าซธรรมชาติที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ถึง 17.54 บาทต่อล้านบีทียู และค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง
ส่งผลให้ค่าเอฟทีในส่วนของเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น 7.46 สตางค์ต่อหน่วย
แต่เนื่องจากมีเงินสะสมมาตั้งแต่กลางปี 2561 จึงนำมาช่วยตรึงค่าเอฟทีในงวดนี้
และเก็บส่วนหนึ่งไว้ไปช่วยพยุงค่าเอฟทีในงวดปี 2562 ไม่ให้สูงขึ้นมากจนเกินไป
เพื่อช่วยบรรเทาภาระผู้ใช้ไฟฟ้า"นายวีระพล กล่าว
นอกจากนี้
โฆษก กกพ.
ยังได้กล่าวสรุปถึงปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาเชื้อเพลิงและการผลิตไฟฟ้าในช่วงเดือน
ก.ย. – ธ.ค. 2561 ดังนี้
1.
อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยจากประมาณการที่ใช้คำนวณค่าเอฟทีในช่วง
พ.ค. – ส.ค. 61 จาก 32.05 บาทต่อเหรียญสหรัฐ เป็น
32.14 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
ตามอัตราแลกเปลี่ยนขายถัวเฉลี่ยธนาคารแห่งประเทศไทยที่เกิดขึ้นจริงเฉลี่ยวันที่ 1
– 31 พ.ค. 2561
2.
ความต้องการพลังงานไฟฟ้าในช่วงเดือน ก.ย. – ธ.ค.
61 เท่ากับ 62,046 ล้านหน่วย ลดลงจากช่วงเดือน พ.ค. – ส.ค.
61 (ปรับปรุงค่าจริงเดือนพฤษภาคม 2561) เท่ากับ 3,781 ล้านหน่วย คิดเป็นร้อยละ
5.74
3.
สัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าในช่วงเดือน ก.ย. – ธ.ค.
61 ยังคงใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก ร้อยละ 60.55
รองลงมาเป็นรับซื้อไฟฟ้าจากลาว ร้อยละ 14.01 ลิกไนต์ ร้อยละ 9.57 และถ่านหินนำเข้า
ร้อยละ 6.94
4. แนวโน้มราคาเชื้อเพลิง
คาดว่าราคาก๊าซธรรมชาติรวมค่าผ่านท่อ อยู่ที่ 279.94 บาทต่อล้านบีทียู
ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากงวดที่ผ่านมา 17.54 บาทต่อล้านบีทียู
และคาดว่าจะไม่มีการใช้น้ำมันเตาในช่วงเดือนกันยายน – ธันวาคม
2561 ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 22.76 บาทต่อลิตร
เพิ่มขึ้น 1.21 บาทต่อลิตร
ราคาถ่านหินนำเข้าเฉลี่ยของโรงไฟฟ้าเอกชนอยู่ที่ 2,526.73 บาทต่อตัน
ปรับเพิ่มขึ้น 32.13 บาทต่อตัน และราคาลิกไนต์ กฟผ. อยู่ที่ 693
บาทต่อตัน ไม่เปลี่ยนแปลง
สำหรับค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนตามนโยบายของภาครัฐ ในส่วน Adder และ
FiT ในเดือน ก.ย. – ธ.ค.
61 ได้ปรับเพิ่มจาก 15,072.28
ล้านบาท ในงวดเดือน พ.ค. – ส.ค. 61 (ปรับปรุงค่าจริงเดือน
พ.ค. 61) มาอยู่ที่ 15,751
ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 678.72 ล้านบาท
แต่ด้วยประมาณการจำนวนหน่วยไฟฟ้าในงวดเดือน ก.ย. – ธ.ค.
61 ลดลงจากงวดปัจจุบัน ดังนั้น
เมื่อเทียบเป็นอัตราต่อหน่วยแล้วจะทำให้ค่าใช้จ่ายดังกล่าวในงวดเดือน ก.ย. –
ธ.ค. 61 ซึ่งอยู่ที่ 27.88
สตางค์ต่อหน่วย เพิ่มขึ้นจากงวด พ.ค. – ส.ค. 61 (ปรับปรุงค่าจริงเดือน
พ.ค. 61) ซึ่งอยู่ที่ 25.00
สตางค์ต่อหน่วย ประมาณ 2.88 สตางค์ต่อหน่วย
จากการตรึงค่าเอฟทีเรียกเก็บงวดเดือน
ก.ย. – ธ.ค. 61 ที่
-15.90 สตางค์ต่อหน่วย
จะมีผลทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภทอยู่ที่ 3.5966 บาทต่อหน่วย
(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งจากมติ กกพ. ดังกล่าวข้างต้น สำนักงาน กกพ.
จะเผยแพร่รายละเอียดทั้งหมดผ่านทาง www.erc.or.th เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ตั้งแต่วันที่ 5 – 19 กรกฎาคม 2561 ก่อนที่จะนำผลการรับฟังความคิดเห็น
มาพิจารณาและให้การไฟฟ้าประกาศเรียกเก็บค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับค่าเอฟทีสำหรับเรียกเก็บในรอบดังกล่าวอย่างเป็นทางการต่อไป