ปตท.และบีไอจีลงนามซื้อขายก๊าซLNG แบบครบวงจร
นายปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ
บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด หรือ บีไอจี
ผู้นำนวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรมครบวงจรของประเทศไทยมากว่า 30 ปี
เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG)
กับ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 11
ต.ค 2561 ที่ผ่านมา เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่าย LNG ให้แก่โรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่นอกแนวท่อส่งก๊าซธรรมชาติ
LNG เป็นเชื้อเพลิงสะอาด
ให้ค่าความร้อนสูงกว่าเชื้อเพลิงชนิดอื่น ๆ และสามารถใช้เป็นพลังงานเพื่อทดแทนเชื้อเพลิงจากก๊าซปิโตรเลียมเหลว
(LPG) น้ำมันเตา และน้ำมันดีเซล
ทำให้มีต้นทุนที่ต่ำกว่าเชื้อเพลิงที่โรงงานอุตสาหกรรมใช้อยู่ปัจจุบันกว่า 8-10%
เชื่อว่าในอนาคตจะมีความต้องการใช้ LNG ในภาคอุตสาหกรรมสูงขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ
นอกจากราคาของ LNG จะสามารถแข่งขันได้เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงชนิดอื่น
ๆ แล้ว LNG ยังเป็นพลังงานสะอาด
ช่วยลดมลพิษด้านสิ่งแวดล้อม
มีกระบวนการเผาไหม้ที่สมบูรณ์และมีความปลอดภัยเหมาะกับการนำมาใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม
โดยที่ผ่านมา ปตท. เป็นผู้ดำเนินการจำหน่ายก๊าซธรรมชาติให้กับกลุ่มลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง
ๆ ผ่านระบบท่อส่งก๊าซ
ซึ่งความร่วมมือกับบีไอจีในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคอุตสาหกรรมโดยรวม
นำไปสู่การเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมไทยได้อย่างมั่งคง
และยั่งยืนตามนโยบายประเทศไทย 4.0
สำหรับแผนการดำเนินงานเกี่ยวกับการเป็นตัวแทนจำหน่ายก๊าซธรรมชาติเหลว
(LNG) นั้น บีไอจีจะเริ่มจัดส่ง LNG ให้กับลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมได้ตั้งแต่ไตรมาสที่
1 ของปี 2562 ซึ่งจะช่วยตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรมและ
LNG แบบครบวงจร ทั้งนี้
บีไอจีได้นำนวัตกรรมด้านการออกแบบ
รวมถึงเทคโนโลยีและระบบการจัดจำหน่ายก๊าซแบบครบวงจรจากบริษัทแม่-แอร์โปรดักส์
แอนด์ เคมิคัลส์ อิงค์ (AP) ประเทศสหรัฐอเมริกา
ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำนวัตกรรมด้านโรงงานผลิต LNG ของโลก
รวมถึงการบริการให้คำปรึกษาและแนะนำทางเทคนิคด้านการเปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิง และการใช้เชื้อเพลิงควบคู่กับเทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการพลังงานในโรงงานอุตสาหกรรม
และตอบสนองความต้องการของลูกค้า
มั่นใจว่าด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจก๊าซอุตสาหกรรมแบบครบวงจร
และระบบการจัดจำหน่าย LNG ในภาคอุตสาหกรรมของบีไอจีจะสามารถบริหารจัดการและให้บริการ
LNG กับลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอีกทั้งลดผลกระทบต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและชุมชน
รวมถึงมีความปลอดภัยสูงสุด