กระทรวงพลังงานรายงานสถานการณ์พายุโซนร้อน
ปาบึก
กระทรวงพลังงาน : วันที่ 3
มกราคม 2562 เวลา 16.00 น. รายงานความคืบหน้าสถานการณ์พายุโซนร้อนปาบึก
(PABUK) ต่อการผลิตปิโตรเลียมในทะเลอ่าวไทย ณ
ปัจจุบันมีการอพยพเจ้าหน้าที่แล้ว 2,635 คน และเหลือปฏิบัติหน้าที่อยู่ 246 คน
การอพยพของเจ้าหน้าที่แต่ละบริษัทเป็นไปโดยสวัสดิภาพ
โดยพายุอยู่ห่างจากแท่นบงกชประมาณ 500 km คาดว่าจะผ่านแท่นในเวลา 04:00 น.
ของวันที่ 4 ม.ค.62
ด้านการผลิตก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบ
ขณะนี้ยังไม่มีการหยุดผลิตเพิ่มเติม ข้อมูลล่าสุด
ก๊าซธรรมชาติลดลงในปริมาณเท่าเดิมที่ 600
ล้านลูกบาศก์ฟุต/วันจากการหยุดผลิตของแหล่งบงกชเหนือ (แหล่งบงกชใต้
หยุดซ่อมบำรุงตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม)
และน้ำมันดิบลดลงอยู่ที่ 27,000 บาร์เรล/วัน อย่างไรก็ตาม
ในส่วนของแหล่งก๊าซธรรมชาติไพลินเหนือสามารถกลับมาผลิตได้อีกครั้งเร็วกว่าแผนหลังจากหยุดซ่อมบำรุง
ทำให้มีก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยเข้าระบบมากขึ้น รวมถึงในส่วนของก๊าซ LNG มีความพร้อมจ่ายได้สูงสุด
1,400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และในวันนี้เรือขนส่ง LNG
ได้เข้าเทียบท่าแล้ว ซึ่งจะสามารถส่งก๊าซ LNG เข้าระบบได้
เมื่อรวมกับ Inventory มีปริมาณ 10,800
ล้านลูกบาศก์ฟุต (ทั้งนี้เรือลำถัดไปจะเทียบท่าในวันที่ 7
ม.ค. 62) ทำให้ปริมาณสำรอง LNG มีมากเพียงพอในการรองรับสถานการณ์การหยุดผลิตจากพายุ
รวมถึงสามารถจัดสรรก๊าซธรรมชาติให้กับภาคไฟฟ้า ภาคอุตสาหกรรม และ NGV ได้ตามแผน
ด้านไฟฟ้า
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
มีมาตรการเฝ้าระวังสถานการณ์ทั้งในส่วนของสถานีผลิตไฟฟ้าและระบบส่ง
และสำรองจากเชื้อเพลิงอื่นเพิ่มมากขึ้น ทั้งน้ำมันดีเซล และน้ำมันเตาเพื่อให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างเพียงพอ
รวมถึงการนำเข้าไฟฟ้าพลังน้ำจาก สปป.ลาว ในปริมาณสูงสุด
นอกจากนี้ได้มีการประสานกับประเทศมาเลเซียเพื่อขอซื้อไฟฟ้าในกรณีฉุกเฉิน
และจัดเตรียมอุปกรณ์หนักสำหรับแก้ไขปัญหาหากระบบผลิตและระบบส่งไฟฟ้าได้รับความเสียหายจากพายุ
ด้านน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซหุงต้ม
กระทรวงพลังงานได้สั่งการให้ผู้ค้าน้ำมัน สำรองน้ำมันและจัดส่งให้เพียงพอ
โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์พายุ
ในส่วนของก๊าซหุงต้มมีปริมาณเพียงพอสำหรับการใช้ของประชาชน
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงาน ได้จัดตั้ง
ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน
โดยจะหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างใกล้ชิด