วันนี้ (18 มีนาคม 2562) นายศิริ
จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (รมว.พน.)
แถลงข่าวติดตามความคืบหน้าโครงการพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำในพื้นที่เขื่อน
กฟผ. โดยมี นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย
ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นายธวัชชัย จักรไพศาล
รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง กฟผ. และนายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์
รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน กฟผ. ร่วมให้ข้อมูล ณ ห้องประชุม 201
อาคาร ท.100 สำนักงานใหญ่ กฟผ. อำเภอบางกรวย
จังหวัดนนทบุรี
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พน. กล่าวว่า
ในแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP 2018) ในสัดส่วนของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน
ได้มอบหมายให้ กฟผ. ดำเนินงานโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ บนทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ หรือ Hydro-Floating
Solar Hybrid รวมกำลังการผลิต 2,725
เมกะวัตต์ ซึ่งจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 10 ปี
โดยให้นำร่องโครงการแรกที่เขื่อนสิรินธร ขนาด 45
เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการไฮบริดแห่งแรกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่จะช่วยให้เกิดความมั่นคงของระบบไฟฟ้าและบริหารจัดการน้ำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการ กฟผ.
กล่าวถึงแผนนำร่องโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
บนทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำโครงการแรกที่เขื่อนสิรินธร
จังหวัดอุบลราชธานี กำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ใช้พื้นที่ผิวน้ำในการติดตั้ง 450
ไร่ ซึ่งเชื่อมโยงระบบพลังน้ำ โดยใช้ทรัพยากรร่วมกับเขื่อน ได้แก่ หม้อแปลง สายส่ง
และสถานีไฟฟ้าแรงสูง เป็นการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดการระเหยของน้ำ
ช่วยเสริมความมั่นคงในระบบไฟฟ้า
ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการน้ำ
เสริมความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในระบบช่วงกลางคืนเพื่อลดการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล
ลดการใช้พื้นที่ทางการเกษตร
เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าของแผงโซล่าเซลล์เนื่องจากมีอุณหภูมิต่ำที่ผิวน้ำ
และเป็นจุดแลนมาร์คใหม่สำหรับการท่องเที่ยว
โดยรายละเอียดโครงการเป็นการออกแบบติดตั้งอุปกรณ์ทั้งหมดบนทุ่นลอยน้ำ
และใช้แผงโซลาร์เซลล์ชนิด Double glass เนื่องจากมีความเหมาะสมกับสภาพการใช้งานที่วางแผงโซลาร์เซลล์ใกล้ผิวน้ำ
ซึ่งมีความชื้นสูงและยังมีการเคลื่อนไหวของผิวน้ำตลอดเวลา ทั้งนี้ กฟผ.
จะออกประกาศเชิญชวนในวันที่ 15พฤษภาคม 2562 และยื่นซองประมูลภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม
2562 และจะประกาศผู้ชนะภายในสิ้นเดือนตุลาคม 2562คาดว่าจะเริ่มดำเนินการโครงการเดือนมกราคม
2563 เพื่อให้สามารถจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ทันตามแผนในเดือนธันวาคม
2563