บริษัทไฟฟ้าประเทศเยอรมนี ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าในปี 2566 จะสูงกว่ากำลังผลิตของโรงไฟฟ้าหลักที่มีอยู่ เนื่องจากนโยบายภาครัฐที่ต้องการเลิกใช้พลังงานนิวเคลียร์และถ่านหิน พร้อมเรียกร้องให้มีมาตรการช่วยเหลือผู้ลงทุนเร่งเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่
เยอรมนีเป็นหนึ่งในประเทศยุโรปที่ตั้งเป้าใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นหลักแทนที่การใช้พลังงานนิวเคลียร์และถ่านหิน
https://energytransition.org/2015/08/german-nuclear-phase-out-is-economically-sensible/
สมาคมอุตสาหกรรมพลังงานและน้ำแห่งเยอรมัน (Bundesverband der Energie - und Wasserwirtschaft : BDEW) กล่าวว่า ประเทศเยอรมนี ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นประเทศเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ในยุโรป อาจปลดโรงไฟฟ้ากำลังผลิตรวมกว่า 26,000 เมกะวัตต์ออกจากระบบ ซึ่งเทียบเท่ากับกำลังผลิตของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์กว่า 26 โรง ในขณะที่มีแนวโน้มว่ามีโรงไฟฟ้าสร้างใหม่เข้าสู่ระบบเพียงแค่ 4,650 เมกะวัตต์เท่านั้น
"กำลังผลิตใหม่ที่จะเข้ามาในระบบไม่เพียงพอที่จะชดเชยกำลังผลิตที่หายไป จากนโยบายเลิกใช้พลังงานถ่านหินและนิวเคลียร์" นาย Stefan Kapferer ผู้อำนวยการ BDEW กล่าว
BDEW ซึ่งเป็นผู้แทนของบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ก๊าซและน้ำ รวมกว่า 1,800 แห่ง คาดการณ์ว่า ในปี 2566 กำลังผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าดั้งเดิมที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลจะลดลงเหลือ 67,300 เมกะวัตต์ จาก 88,600 เมกะวัตต์ ในปัจจุบัน ขณะที่หน่วยงานกำกับดูแลด้านพลังงานได้คาดการณ์ว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของเยอรมนีจะอยู่ที่ 81,800 เมกะวัตต์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ามีความไม่สมดุลกันระหว่างความต้องการใช้ไฟฟ้า และการพัฒนาเพิ่มกำลังผลิตใหม่
ฟาร์มกังหันลม Reichertshull และ Workerszeller Forst ประเทศเยอรมนี
https://renewablesnow.com/news/renewables-produce-38-of-german-power-in-9-mo-632178/
โดยทฤษฎีแล้ว เยอรมนีมีกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ลมและแสงแดดรวมกันกว่า 118,000 เมกะวัตต์ ซึ่งสามารถครอบคลุมความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศได้ 100% แต่ทุกอย่างต้องขึ้นกับสภาพอากาศด้วย หากสภาพอากาศไม่อำนวย พลังงานสีเขียวเหล่านี้จะไม่สามารถใช้การได้ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหน่วยงานกำกับดูแลด้านพลังงานประกาศห้ามไม่ให้ปิดโรงไฟฟ้าเก่ากำลังผลิตรวมทั้งหมด 6,900 เมกะวัตต์ แม้บริษัทเจ้าของโรงไฟฟ้าจะยื่นความจำนงมาก็ตาม
สัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงประเภทต่าง ๆ ผลิตไฟฟ้าของเยอรมนี เปรียบเทียบระหว่างครึ่งปีแรกของ 2560 และ 2561
https://www.cleanenergywire.org/news/renewables-overtake-coal-germanys-most-important-power-source
รัฐบาลเยอรมันต้องการบรรลุเป้าหมายการจัดการด้านสภาพภูมิอากาศ โดยเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนจากร้อยละ 40 ในปัจจุบัน ให้สูงขึ้นเป็นร้อยละ 65 ในปี 2566 แต่ขณะเดียวกัน แผนการเลิกใช้พลังงานนิวเคลียร์จะทำให้มีกำลังผลิตหายไปจากระบบในปี 2565 ถึง 10,000 เมกะวัตต์ และแผนการปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินจะทำให้กำลังผลิตหายไปอีก 7,700 เมกะวัตต์ ระหว่างปี 2560-2565 และ 14,700 เมกะวัตต์ ระหว่างปี 2565-2573
นอกจากนั้น ผู้อำนวยการ BDEW ยังเรียกร้องให้มีมาตรการรับมือกับภาวะที่โรงไฟฟ้าก๊าซเริ่มไม่ได้ผลกำไรจากค่าเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น และโรงไฟฟ้าสูบกลับที่ทยอยปิดจากปัญหานโยบายที่ไม่สนับสนุนเท่าที่ควร ในขณะเดียวกัน เยอรมนียังมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องขยายโครงข่ายระบบส่ง เพื่อรองรับพลังงานหมุนเวียน ที่ล่าช้ากว่ากำหนดมาหลายปีแล้ว
แปลและเรียบเรียง : สุภร เหลืองกำจร
ข้อมูลจาก German power lobby sees shortfalls due to coal, nuclear phase-out
https://www.reuters.com/article/us-germany-energy-powerstations/german-power-lobby-sees-shortfalls-due-to-coal-nuclear-phase-out-idUSKCN1RD1OV