ดร.จาชชัว แพส SCG Corporate
Innovation Director และ Managing Director of AddVentures
by SCG กล่าวว่า ช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา
จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีรวมถึงโมเดลธุรกิจใหม่ๆ มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
รวมทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
เอสซีจีจึงต้องปรับวิธีการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมใหม่
นอกเหนือจากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Technology) ซึ่งดำเนินการมาโดยตลอด
ด้วยการทำ Digital Transformation ซึ่งเป็นกระบวนการปรับเปลี่ยนองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
(Digital Technology) โดยเน้นการพัฒนาและสร้างความร่วมมือกับสตาร์ทอัพ
(Startup) ซึ่งมีศักยภาพในการเชื่อมโยงเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมใหม่ๆ
เข้ามาเสริมขีดความสามารถทางการแข่งขัน
เพื่อให้เอสซีจีสามารถสร้างโซลูชั่นสินค้าและบริการให้ลูกค้าทุกกลุ่ม
ตลอดจนเพิ่มโอกาสในการสร้างการเติบโตใหม่ๆ ให้องค์กรได้ดีและเร็วยิ่งขึ้น
เนื่องจากการพัฒนาและปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานรวมถึงแนวคิดของคนในองค์กรเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ
เอสซีจีจึงเริ่มนำแนวคิดและวิธีการทำงานของสตาร์ทอัพมาปรับใช้
ด้วยการทำโครงการพัฒนาสตาร์ทอัพภายใน "HATCH-WALK-FLY" โดยมี
"ZERO TO ONE by SCG" ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพสตูดิโอ (Startup
Studio) ที่เน้นการสร้างธุรกิจในรูปแบบสตาร์ทอัพขึ้นมาจากไอเดียใหม่ๆ
เป็นผู้พัฒนาสตาร์ทอัพตั้งแต่ระยะเริ่มต้น (Early stage) และแบ่งระยะของการผลักดันสตาร์ทอัพอย่างเป็นระบบ
ตั้งแต่ระยะฟักไข่ (HATCH) ที่เน้นการเริ่มทำความเข้าใจลูกค้า
ค้นหาปัญหา และทดสอบความเป็นไปได้ในการแก้ไขปัญหานั้น ระยะเดิน (WALK) ที่เน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้
พร้อมทั้งทดสอบตลาดและโมเดลธุรกิจ และระยะบิน (FLY) ที่เน้นการขยายฐานลูกค้าเพื่อการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในแบบฉบับของธุรกิจสตาร์ทอัพ
นอกจากการสนับสนุนเรื่องเงินทุนแล้ว
ทางสตูดิโอยังได้เติมเต็มส่วนอื่นๆ
เพื่อช่วยให้สตาร์ทอัพสามารถสร้างธุรกิจได้เร็วขึ้น
และเพิ่มโอกาสความสำเร็จได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรวบรวมความรู้ กระบวนการทำงาน
รวมถึงแนวทางการวัดผลที่เหมาะสมขึ้นเป็น playbook เพื่อปรับใช้กับสตาร์ทอัพในระยะต่างๆ
การจัด mentoring session เพื่อให้คำแนะนำและแบ่งปันประสบการณ์โดยบุคลากรผู้มีความรู้
ความเชี่ยวชาญ ทั้งจากเอสซีจีและเจ้าของสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จ
อีกทั้งยังให้การสนับสนุนด้านการพัฒนาแอปพลิเคชัน
และการดำเนินการทางบัญชีและกฎหมาย
เพื่อช่วยให้สตาร์ทอัพสามารถใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการพัฒนาธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งจนถึงขณะนี้มีสตาร์ทอัพซึ่งเป็นพนักงานเอสซีจีผ่านเข้าร่วมโครงการ "HATCH-WALK-FLY"
แล้วมากกว่า 50 ทีม โดยปัจจุบันมีสตาร์ทอัพที่อยู่ในระยะ WALK
7 ทีม และสตาร์ทอัพในระยะ FLY 4
ทีม โดยหลังจากนี้จะเริ่มขยายฐานลูกค้าและสร้างการเติบโตทางธุรกิจให้มากขึ้นต่อไป
นอกจากนี้ เพื่อให้การทำ Digital
Transformation เป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น
เอสซีจีจึงให้ความสำคัญกับการเปิดรับนวัตกรรมจากภายนอก (Open Innovation) โดยมี
"AddVentures by SCG" ซึ่งเป็น Corporate Venture Capital หรือ
CVC เข้าไปเสริมศักยภาพและร่วมลงทุนในดิจิทัลสตาร์ทอัพ
ทั้งในไทยและภูมิภาคที่โดดเด่นอื่นๆ
เพื่อสร้างพันธมิตรทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัลโดยเฉพาะ
"AddVentures by SCG มีความคืบหน้าในการร่วมมือกับสตาร์ทอัพตลอด
2 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น 1.) การลงทุนผ่านกองทุนที่ลงทุนในสตาร์ทอัพ (Fund
of Fund) และการลงทุนตรงในสตาร์ทอัพ (Direct
Investment) ที่มีแนวทางสอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตของเอสซีจีไปทั้งสิ้น
13 ราย แบ่งเป็นการลงทุนผ่านกองทุน 2 ราย และการลงทุนตรงในสตาร์ทอัพ 11 ราย 2.)
การสร้างความร่วมมือแบบธุรกิจร่วมทุน (Joint venture partnership) กับสตาร์ทอัพที่อยู่ในระยะเติบโต
(Growth stage) เพื่อสร้างธุรกิจใหม่ให้เอสซีจี
โดยนำเทคโนโลยีและโมเดลธุรกิจที่ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศมาใช้ในไทย
หรือต่อยอดไปใช้ในภูมิภาคอื่นด้วย
ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาและทดลองตลาดกับสตาร์ทอัพทั้งสิ้น 6 ราย และ 3.)
การสร้างความร่วมมือในฐานะคู่ค้า (Commercial partnership) กับสตาร์ทอัพ
โดยนำผลิตภัณฑ์หรือบริการมาใช้กับธุรกิจต่างๆ ของเอสซีจีแล้วกว่า 100 ราย"
สำหรับกลยุทธ์และทิศทางการพัฒนาต่อไปในปี
2562 – 2563 ของ AddVentures by SCG นั้น
ดร.จาชชัว กล่าวว่า "หนึ่งปีต่อจากนี้จะรุกสร้างเครือข่ายกับสตาร์ทอัพทั่วโลก
ทั้งการลงทุนผ่านกองทุนและสตาร์ทอัพในภูมิภาคใหม่ๆ เช่น จีน อิสราเอล สหรัฐอเมริกา
และอื่นๆ ซึ่งมีลักษณะของตลาดที่น่าสนใจต่างกันไป
ส่วนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น จะเน้นการลงทุนที่อินโดนีเซีย สิงคโปร์
ไทย และเวียดนาม โดยมุ่งขยายการเติบโตไปในภูมิภาคอื่นๆ
ให้สตาร์ทอัพเหล่านี้ด้วยเครือข่ายและความเชี่ยวชาญของเอสซีจี
พร้อมหวังสร้างธุรกิจที่เป็นแรงขับเคลื่อนใหม่ๆ ให้เอสซีจีมากขึ้น โดยภายในปี 2562
นี้ คาดว่าจะมีการลงทุนในสตาร์ทอัพเพิ่มอีกประมาณ 4-6 ราย