นายสุธี สุขเรือน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกนี้
บ้านปู เพาเวอร์ฯ รักษาประสิทธิภาพและเสถียรภาพในการผลิตและจ่ายไฟของทั้งโรงไฟฟ้าทุกแห่งได้ดีตามความคาดหมาย
ขณะเดียวกันก็แสวงหาการลงทุนเพิ่มเติมอยู่เสมอ
ล่าสุดเราลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จีซิน (Jixin) กำลังผลิต
25 เมกะวัตต์ มูลค่า 189.15 ล้านหยวน หรือประมาณ 876 ล้านบาท ณ มณฑลเจียงซู ในจีน
ซึ่งเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว โดยจะรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3/2562 ทั้งนี้
บ้านปู เพาเวอร์ฯ
เป็นผู้ลงทุนธุรกิจไฟฟ้าจากไทยรายเดียวที่สามารถพัฒนาและเพิ่มกำลังผลิตในจีนได้อย่างต่อเนื่อง
จากการที่เรามุ่งบริหารงานและพัฒนาโครงการร่วมกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งให้สำเร็จเสมอมา
และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับภาครัฐท้องถิ่นและชุมชนในพื้นที่ที่มีกิจกรรมทางธุรกิจ
ในภาพรวม บริษัทฯ เดินหน้าขยายการเติบโตตามกลยุทธ์ Greener & Smarter อย่างมั่นคง
โดยจากวันนี้ถึงปี 2566 เรามีกำลังผลิตรวมถึง 2,894 เมกะวัตต์เทียบเท่า
โดยมีสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนร้อยละ 17 จึงเชื่อว่าภายในปี 2568
เราจะสามารถก้าวไปถึง 4,300 เมกะวัตต์เทียบเท่า
พร้อมสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 อย่างที่ตั้งเป้าไว้ได้
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 2/2562
บ้านปู เพาเวอร์ฯ มีรายได้รวม 1,283 ล้านบาท จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมและโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในจีน
ซึ่งลดลงเล็กน้อยร้อยละ 5
เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาแม้ว่าปริมาณการขายไฟฟ้าและไอน้ำจะเพิ่มขึ้นก็ตาม
เนื่องจากการแปลงค่าสกุลเงิน
ซึ่งได้รับผลกระทบจากการที่ค่าเงินหยวนอ่อนลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินบาท
โดยโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 3 แห่ง มีรายได้รวมที่ 1,059 ล้านบาท
ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อีก 6 แห่ง มีรายได้รวมที่ 224 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
เนื่องจากสภาวะอากาศที่เอื้ออำนวยและความเข้มข้นของแสงแดดที่สูงในช่วงฤดูร้อน
บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจำนวน 1,369
ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา
เนื่องจากโรงไฟฟ้าหงสามีอัตราความพร้อมจ่ายกระแสไฟฟ้า (Equivalent
Availability Factor: EAF) ที่ร้อยละ 86 รายงานส่วนแบ่งกำไรจำนวน 1,026
ล้านบาท (รวมผลขาดทุนจากการแปลงค่าสกุลเงินแล้ว)
ในขณะที่โรงไฟฟ้าบีแอลซีพีดำเนินงานได้เต็มประสิทธิภาพด้วย EAF ร้อยละ
100 รายงานส่วนแบ่งกำไรจำนวน 347 ล้านบาท
(รวมผลขาดทุนจากการแปลงค่าสกุลเงินและผลบวกจากภาษีเงินได้รอตัดบัญชีแล้ว)
ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ญี่ปุ่นทั้ง
5 แห่งในปีนี้ก็ได้รับผลดีจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยและค่าความเข้มข้นของแสงแดดที่มากขึ้น
ทำให้สามารถผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าได้ทั้งสิ้น 31 กิกะวัตต์ชั่วโมง
เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 92 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ทั้งนี้ ในไตรมาส 2/2562
บริษัทฯ มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) จำนวน
1,518 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 6 จากไตรมาสก่อนหน้า
ปัจจุบัน บ้านปู เพาเวอร์ฯ
มีกำลังผลิตที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date: COD) แล้ว
รวม 2,170 เมกะวัตต์เทียบเท่า ภายในปีนี้
จะมีโครงการโรงไฟฟ้าที่ COD เพิ่มอีก 2 แห่ง คือ
ส่วนขยายโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมหลวนหนานระยะที่ 3 ในจีน กำลังผลิต 52
เมกะวัตต์เทียบเท่า เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าและ
ไอน้ำที่มากขึ้นในช่วงฤดูหนาว
และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์คุโรกะวะในญี่ปุ่น กำลังผลิต 19 เมกะวัตต์
ซึ่งก่อสร้างคืบหน้าถึงร้อยละ 71 และคาดว่าจะ COD ในช่วงปลายปีนี้
สำหรับในเวียดนาม โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมระยะที่ 1 กำลังผลิต 30 เมกะวัตต์
อยู่ในขั้นตอนคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างและติดตั้ง ส่วนระยะที่ 2 และ 3 กำลังผลิต
30 และ 20 เมกะวัตต์ ตามลำดับ อยู่ระหว่างเตรียมการศึกษาความเป็นไปได้