นายชาญศิลป์
ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด
(มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยผลประกอบการครึ่งปี 2562
ที่ปรับลดลงเล็กน้อยจากเป้าหมายเมื่อเทียบกับปีก่อนว่า
เนื่องจากสถานการณ์สงครามทางการค้าระหว่างประเทศมหาอำนาจที่ยังไม่มีความชัดเจน
ส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกลดลง รวมถึงค่าการกลั่น (Gross Refinery
Margins : GRM) และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีเกือบทุกประเภทลดต่ำลงเช่นกัน
ทำให้ผลการดำเนินงานโดยรวมของ ปตท. มีการปรับลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม กลุ่ม ปตท.
ได้มีการปรับสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมและธุรกิจไฟฟ้า
และเร่งการลงทุนในโครงการที่ได้รับการอนุมัติไปแล้ว ซึ่งทำให้ยังคงรักษาผลประกอบการได้
อีกทั้งแสวงหาโอกาสในการลงทุนพร้อมดำเนินมาตรการปรับปรุงผลประกอบการ (Productivity
Improvement) เพิ่มเติมเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้น
รวมถึงการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนลง
ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2562
ปตท. และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 1,121,196
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9,437 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 1
จากช่วงเดียวกับของปีก่อน
เพิ่มขึ้นจากกลุ่มก๊าซธรรมชาติโดยหลักจากธุรกิจจัดหาและจำหน่ายก๊าซฯ
และธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมจากปริมาณขายเฉลี่ยและราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น รวมถึงธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรมจากการที่
บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) เข้าซื้อบริษัท
โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) (GLOW)
อย่างไรก็ตาม ปตท. และบริษัทย่อย
มีกำไรสุทธิ 55,250 ล้านบาท ลดลง 14,567
ล้านบาท หรือ ร้อยละ 21
จากผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นปรับลดลง
เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีเกือบทุกประเภทลดต่ำลง
กำไรสต๊อกน้ำมันที่ลดลงตามราคาน้ำมันดิบ
รวมถึงกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีผลการดำเนินงานลดลงเช่นกันจากหลักการของธุรกิจโรงแยกก๊าซธรรมชาติที่ราคาขายอ้างอิงราคาปิโตรเคมีปรับลดลง
แต่ต้นทุนก๊าซฯ ปรับสูงขึ้น
ในส่วนของกำไรภายหลังการจ่ายเงินปันผลให้แก่รัฐและผู้ถือหุ้น
รวมทั้งภายหลังการจ่ายคืนเงินกู้ ปตท. จะนำไปลงทุนในโครงการต่างๆ ที่สำคัญ
เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงาน รวมถึงเดินหน้าสนับสนุน
การดำเนินงานด้านกิจการเพื่อสังคม ตามกรอบการบริหารธุรกิจอย่างยั่งยืน
และสร้างสมดุลใน 3 มิติ (People Planet Prosperity : 3P) โดยเน้นการพัฒนาพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์
จ.ระยอง ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรจากทุกภาคส่วนอย่างบูรณาการ
เพื่อพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นเมืองนวัตกรรมที่ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
และนวัตกรรม
ในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ไทยแลนด์ 4.0
ผ่านโครงการและกิจกรรมต่างๆ อาทิ การก่อสร้างอาคาร Intelligent Operation
Center ศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะ
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคของโครงการพัฒนาพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์
เพื่อเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) ในการเป็นศูนย์ควบคุมระบบสาธารณูปโภคที่ทันสมัย
และเป็นศูนย์ควบคุมกลางด้านความปลอดภัยแบบครบวงจร
รวมถึงการสนับสนุนการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีผ่าน
"โรงเรียนกำเนิดวิทย์" ที่นักเรียนรุ่นที่
2 ได้สำเร็จการศึกษาจำนวน 70 คน
โดยในจำนวนนี้ได้ทุนศึกษาต่อต่างประเทศในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีถึง 41 คน
และอาจารย์จากสถาบันวิทยสิริเมธี ยังได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นประจำปี 2562
อีกด้วย นอกจากนี้
ยังได้ดำเนินโครงการพัฒนาพลังงานชุมชนด้วยระบบผลิตและส่งจ่ายก๊าซชีวภาพ
จากความร่วมมือระหว่าง ปตท. องค์การบริหารส่วนตำบลป่ายุบใน สถาบันวิทยสิริเมธี
และบริษัท เอเลแก้นท์ฟาร์ม จำกัด
เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบผลิตและส่งจ่ายก๊าซชีวภาพจากฟาร์มสุกรให้ชุมชนตำบลป่ายุบในใช้เป็นพลังงานสะอาด
ตลอดจนพัฒนาระบบการบริหารจัดการพลังงานชุมชนอย่างยั่งยืน
นอกจากการมุ่งส่งเสริมโครงการและกิจกรรมในพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์แล้ว
ปตท. ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคม ชุมชน
และรักษาสิ่งแวดล้อม โดยร่วมขับเคลื่อนโครงการ OUR Khung Bangkachao นำองค์ความรู้ผสานกับความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในกลุ่ม
ปตท. มาปรับใช้กับกิจกรรมเพื่อสังคมในรูปแบบ Technology for Social
Collaboration เพื่อมุ่งพัฒนาพื้นที่สีเขียว
ประสานความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายและชุมชนเพื่อยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนในชุมชนคุ้งบางกะเจ้าและสิ่งแวดล้อมให้เติบโตเพิ่มขึ้นภายใน
5 ปี นอกจากนี้ ได้เปิด คาเฟ่ อเมซอน เซอร์คูล่า
ลิฟวิ่ง คอนเซ็ปต์ ที่นำเยื่อกาแฟ (Coffee Chaff) ซึ่งเป็นของเหลือหลักจากโรงคั่วกาแฟ
และขยะพลาสติก มาผลิตเป็นวัสดุตกแต่งและเป็นเฟอร์นิเจอร์ภายในร้าน
และสนับสนุนการรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรไทย เช่น มังคุด ลองกอง เป็นต้น
รวมทั้งโครงการรวมพลังซื้อข้าวจากชาวนา ที่จัดสรรพื้นที่ภายในสถานีบริการน้ำมันของ
ปตท. ให้เกษตรกรนำผลิตผลทางการเกษตรมาจำหน่ายให้แก่ประชาชนทั่วไป
เพื่อให้เป็นจุดซื้อขายสินค้าทางการเกษตร ( Market Place ) ให้แก่ชุมชน
การดำเนินธุรกิจตลอดครึ่งปี 2562
ปตท. ยังคงขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง
เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงานภายใต้ความท้าทายที่เกิดขึ้น
เพื่อความมั่นคงของประเทศ โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มพร้อมดูแลสังคม
ชุมชนและสิ่งแวดล้อมให้เติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน