นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ในการประชุม
AMEM ครั้งที่ 37 ได้บรรลุหลากหลายเป้าประสงค์ของอาเซียนในปีนี้
ดังนี้
1.
ที่ประชุมได้ติดตามและรับทราบถึงผลลัพธ์ของการประชุม AMEM ครั้งที่
36 เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2018 ซี่งจัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ ทั้งนี้
เพื่อบรรลุเป้าหมายหลักในการผลักดันให้อาเซียนเป็นภูมิภาคที่มีความมั่นคงและยั่งยืนทางด้านพลังงาน
รวมทั้งได้ร่วมกันหารือเกี่ยวกับแผนปฏิบัติการความร่วมมือด้านพลังงานอาเซียน หรือ ASEAN
Plan of Action for Energy Cooperation 2016 – 2025
(APAEC)
2.
ในการผลักดันความร่วมมือด้านการซื้อขายไฟฟ้า
ที่ประชุมได้เห็นชอบกับโครงการซื้อ-ขายไฟฟ้าแบบพหุภาคี ลาว - ไทย – มาเลเซีย
ในระยะที่ 2 เพื่อที่จะเพิ่มเพดานปริมาณการซื้อขายไฟฟ้า LTM-PIP ให้ได้
300 เมกะวัตต์
3. ที่ประชุมยอมรับการศึกษาวิจัยความเป็นไปได้ของการซื้อ-ขายไฟฟ้าแบบพหุภาคี
โดยจากการศึกษาดังกล่าวพบว่า
การซื้อขายไฟฟ้าแบบพหุภาคีจะช่วยเพิ่มความสมดุลของระบบสายส่งไฟฟ้า
และจะส่งเสริมรายได้แก่ประเทศทางผ่าน อีกทั้งการศึกษาวิจัยนี้
ยังช่วยส่งเสริมการขยายการซื้อ-ขายไฟฟ้า แบบพหุภาคีไปยังประเทศอื่น ๆ
ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
เพื่อส่งเสริมการก่อตั้งเป็นศูนย์กำกับดูแลการซื้อ-ขายไฟฟ้าแบบพหุภาคีต่อไป
4. ในด้านพลังงานหมุนเวียนในภาคไฟฟ้า
ที่ประชุมได้รับทราบถึงความสามารถในการแลกเปลี่ยนซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในภูมิภาค
รวมทั้งการผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยีที่ส่งเสริมให้พลังงานทดแทนสามารถซื้อขายในสายส่งไฟฟ้าอาเซียนได้เพิ่มขึ้น
อีกทั้งที่ประชุมได้ยินดีและยอมรับในการลงนามใน MOU ระหว่าง
ASEAN Center of Energy และ
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งการลงนามใน MOU นี้จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงชีวภาพมากขึ้น
ช่วยพัฒนาศักยภาพของบุคลากร
และส่งเสริมให้เกิดการก่อตั้งศูนย์ศึกษาและพัฒนาเครือข่ายเชื้อเพลิงชีวภาพในภูมิภาคอาเซียน โดยที่ประชุมได้แสดงความยินดีและชื่นชมกรณีศึกษาเกี่ยวกับการใช้พลังงานเชื้อเพลิงชีวภาพ
5.
ผลการลดความเข้มการใช้พลังงานในอาเซียน
รัฐมนตรีพลังงานอาเซียนได้รับทราบความก้าวหน้าของการลดค่าความเข้มของการใช้พลังงาน
24.4% เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2548
ซึ่งมีกิจกรรมภายใต้แผนการลดการใช้พลังงานของภูมิภาค อาทิ
การจัดทำมาตรฐานขั้นต่ำอาเซียนของอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิ หลอดไฟ
และเครื่องปรับอากาศ
การประชุม AMEM+3
6. การประชุม AMEM + 3
ในครั้งนี้ซึ่งเป็นครั้งที่ 16
เป็นการประชุมของรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงานร่วมกับประเทศ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี
โดยเรายืนยันว่าอาเซียนกำลังเดินหน้าสู่การบรรลุเป้าหมายความมั่นคงด้านพลังงานที่ดียิ่งขึ้น
มีความน่าเชื่อถือทางด้านเศรษฐกิจ และความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมในด้านพลังงาน
อีกทั้งยังได้แสดงเจตจำนงในการสนับสนุนความร่วมมือ ASEAN กับประเทศคู่เจรจาบวก
3 และได้เตรียมพร้อมสำหรับการต่อยอดแผน APAEC ระยะที่
2 สำหรับปี 2021 – 2025 ซึ่งจะเริ่มใช้ในปี 2020
East Asia Summit Energy Ministers
Meeting (EAS EMM)
7.
ที่ประชุมยอมรับในความคืบหน้าของการดำเนินกิจกรรมผ่านการทำงาน 3
ความร่วมมือทางด้านพลังงาน คือ 1)
การทำงานเกี่ยวกับพลังงานที่ยั่งยืนและการอนุรักษ์พลังงาน 2)
การทำงานเกี่ยวกับพลังงานเชื้อเพลิงชีวภาพเพื่อการคมนาคมและอื่นวัตถุประสงค์อื่น ๆ
และ 3) การทำงานเกี่ยวกับ RAPG
8.
ที่ประชุมมีความคาดหวังที่จะร่วมมือในด้านการศึกษาวิจัย
การพัฒนาและความก้าวหน้าของเทคโนโลยีคาร์บอนรีไซเคิล
อีกทั้งยังมีการเน้นย้ำให้มีการระดมทุนเพื่อให้มีการใช้ประโยชน์จากแหล่งพลังงานที่หลากหลาย
และเทคโนโลยีพลังงานสะอาด เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาค
ด้านพลังงานที่มั่นคงและยั่งยืน
9. นอกจากนี้
ได้มีการประชุมร่วมกับทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ หรือ IEA และ
ทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ หรือ IRENA ซึ่งมีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
โดยที่ประชุมได้รับทราบถึงความต้องการการใช้พลังงานที่มีเพิ่มมากขึ้น
และความท้าทายในช่วงการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของโลก
อีกทั้งที่ประชุมได้หารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับการผลักดันการซื้อขายพลังงานในภูมิภาค
การแปลงพลังงานทดแทนเข้าสู่ระบบไฟฟ้า และบทบาทของพลังงานทดแทน ทั้งนี้
รัฐมนตรีพลังงานอาเซียนได้แสดงความขอบคุณต่อ IEA และ
IRENA ที่ได้สนับสนุนอาเซียนในการจัดการกับปัญหาทางด้านพลังงานและเทคโนโลยี
รวมทั้งการสนับสนุนการพัฒนาความร่วมมือด้านพลังงาน
10. ได้มีพิธีการมอบรางวัล ASEAN
Energy Awards โดยรัฐมนตรีอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ
และรัฐมนตรีของประเทศคู่เจรจาเป็นผู้มอบรางวัลในแต่ละสาขาให้แก่ผู้รับรางวัล
ซึ่งปีนี้มีทั้งหมด 98 รางวัล โดยแบ่งเป็น 5 สาขาดังนี้ 1) สาขาถ่านหินสะอาด 2)
สาขาอนุรักษ์พลังงาน 3) สาขาพลังงานทดแทน 4) สาขาการบริหารจัดการด้านพลังงาน และ
5) รางวัลประเภทบุคคลดีเด่นด้านพลังงาน โดยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ได้พบปะพูดคุย
และแสดงความยินดีกับผู้ประกอบการและบุคคลผู้ที่ได้รับรางวัล ASEAN Energy
Awards ด้านพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานของไทยพร้อมแสดงความชื่นชมและให้กำลังใจอีกด้วย
11. สุดท้ายนี้ เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า
ผลลัพธ์และผลสำเร็จของการประชุมในครั้งนี้
จะช่วยส่งเสริมภูมิภาคอาเซียนให้ก้าวหน้าและพัฒนาอย่างยั่งยืนไปพร้อม ๆ กัน
โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง