นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด(มหาชน)
กล่าวว่า "ไทยออยล์มุ่งเน้นการบริหารจัดการธุรกิจด้วยสมดุล
3 ด้านคือ การเติบโตทางเศรษฐกิจ
การสร้างคุณค่าสู่สังคม และการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นเลิศ
ภายใต้หลักธรรมาภิบาล
และการตอบสนองผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มด้วยความเป็นธรรมมาโดยตลอด ทำให้บริษัทฯ
ได้รับการประเมินให้เป็นสมาชิกของ DJSI ในปี 2562
ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7
และยังได้รับการประเมินให้เป็นผู้นำของอุตสาหกรรมการตลาดและการกลั่นน้ำมันและก๊าซอีกด้วย
ผลการประเมินของ DJSI ในปีนี้
เป็นสิ่งยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานของบริษัท เป็นรางวัลแห่งความสำเร็จและความภาคภูมิใจของพนักงานทุกคน"
ในช่วงปีที่ผ่านมาเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของไทยออยล์
ทั้งการดำเนินการขยายโรงกลั่นภายใต้ ‘โครงการพลังงานสะอาด’ ซึ่งถือเป็นการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศและภูมิภาค
ตลอดจนการปรับวิสัยทัศน์สู่ปี 2030 ที่ว่า ‘Empower Human Life
through Sustainable Energy and Chemicals’ ที่สะท้อนให้เห็นการมุ่งมั่นสู่ความรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์และผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม
ส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และแนวทางการบริหารจัดการความยั่งยืนด้วยหลักการสร้างคุณค่า
3 ด้าน ได้แก่ การรักษาคุณค่าทางธุรกิจ (Value
Protection) การพัฒนาคุณค่าทางธุรกิจ (Value
Enhancement) และการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืน (Sustainable
Value Creation) ส่งผลให้เกิดรากฐานที่เข้มแข็งของพนักงานไทยออยล์และระบบการบริหารจัดการที่เป็นเลิศ
ผ่านการจัดการความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมที่รอบด้าน
การจัดการพอร์ตการลงทุนเพื่ออนาคต การกำกับดูแลกิจการองค์กรอย่างโปร่งใส เป็นธรรม
อย่างมืออาชีพ และสามารถตรวจสอบได้
มีการยกระดับวัฒนธรรมด้านบรรษัทภิบาลอย่างเป็นรูปธรรมโดยผู้บริหาร พนักงานทุกคน
และขยายไปสู่คู่ค้าคู่ธุรกิจของไทยออยล์
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินงานร่วมกันในระยะยาว
"ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น
ไทยออยล์ให้ความสำคัญกับระบบการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยตลอดสายโซ่อุปทาน
ส่งผลให้ปีที่ผ่านมามีผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น ผ่านโครงการเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานกว่า
25 โครงการ
ซึ่งสามารถลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรงกว่า 4
หมื่นตันต่อปี การสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาเพื่อปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อม
และการจัดการนวัตกรรมสู่ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ
ผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำเพื่อทดแทนสาร CFC และ HCFC ผลิตภัณฑ์สำหรับซักล้างที่ย่อยสลายได้โดยธรรมชาติ
ของบริษัท ท็อป โซเวนท์ จำกัด เป็นต้น และในปีที่ผ่านมา
ไทยออยล์ได้ร่วมสนับสนุนสังคมคาร์บอนต่ำ (Low carbon society) ด้วยการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า
7 แสนตัน ผ่านการใช้ผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ ได้แก่
แก๊สโซฮอลล์และไบโอดีเซล โดยผู้ใช้ขั้นปลาย
อีกทั้ง
การส่งเสริมวัฒนธรรมด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยร่วมกับผู้รับเหมาที่มาปฏิบัติงานในไทยออยล์จนทำให้มีสถิติความปลอดภัยอยู่ในระดับ
first quartile หรือกลุ่มผู้นำในอุตสาหกรรมเดียวกัน ตลอดจนการดูแลความปลอดภัยให้แก่ชุมชนโดยรอบ
โดยมีกระบวนการสื่อสาร รับฟังความเห็น
และจัดการเรื่องร้องเรียนที่มีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือ ส่งผลให้ดัชนีความผูกพัน
(Community Engagement) ของชุมชนรอบโรงกลั่นต่อการดำเนินงานของกลุ่มไทยออยล์อยู่ในระดับสูง
มุ่งเน้นการเคารพในสิทธิมนุษยชน
ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาองค์กรสู่ความสำเร็จในระยะยาว
จากการได้รับการรับรองให้เป็นสมาชิก Dow
Jones Sustainability Indices 2562 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 และได้รับการจัดเป็นอันดับ
1 ของอุตสาหกรรมนี้ สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มของไทยออยล์ต่อประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจภายใต้วิกฤตเศรษฐกิจโลก
โดยมุ่งสร้างประโยชน์สูงสุดแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มผ่านกรอบธรรมาภิบาลและการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนที่ได้กล่าวมาทั้งหมด