นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน
กล่าวว่า ภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวันในรอบ 8
เดือนของปี 2562 (มกราคม
– สิงหาคม
2562) เติบโตขึ้น
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 โดยกลุ่มน้ำมันเบนซิน เพิ่มขึ้น 3.9%
กลุ่มดีเซลหมุนเร็ว เพิ่มขึ้น 1.7%
น้ำมัน อากาศยานเจทเอ1
เพิ่มขึ้น 0.1%
และ LPG เพิ่มขึ้น
1.2%
ในขณะที่ NGV ลดลง
11.1%
การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยอยู่ที่
32.12
ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 3.9%
ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของน้ำมันกลุ่มเบนซินเกือบทุกชนิดยกเว้นน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์
91
โดยน้ำมันเบนซินมีการใช้ลดลงเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 0.98 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราลดลง 12.5%
สำหรับภาพรวมการใช้น้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
เฉลี่ยอยู่ที่ 31.14
ล้านลิตร/วัน คิดเป็น 4.5%
โดยแก๊สโซฮอล์อี 20
มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นมากที่สุด อยู่ที่ 6.46 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 13.5%
เนื่องจากมีราคาต่ำกว่าแก๊สโซฮอล์ 95
เฉลี่ยอยู่ที่ 2.97
บาท/ลิตร จึงจูงใจให้ผู้บริโภคหันมาใช้เพิ่มขึ้น รองลงมาเป็น แก๊สโซฮอล์ อี85
มีปริมาณการใช้ เฉลี่ยอยู่ที่ 1.29
ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 11.8% แก๊สโซฮอล์ 95 มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 13.79
ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 7.3% ในขณะที่แก๊สโซฮออล์ 91 มีปริมาณการใช้ที่ลดลงเฉลี่ยอยู่ที่
9.60
ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราลดลง 5.0%
เนื่องจากราคาแก๊สโซฮอล์ 91
และแก๊สโซฮอล์ 95
ใกล้เคียงกันโดยมีส่วนต่างเพียง 0.27
บาท/ลิตร จึงทำให้ผู้บริโภคเลือกใช้น้ำมันชนิดที่มีค่าออกเทนสูงกว่า
การใช้กลุ่มน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว
เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 64.92
ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 1.7%
โดยน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา (บี7)
มีปริมาณการใช้ลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 62.13
ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราลดลง 2.6%
น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10
มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 0.005
ล้านลิตร/วัน (เริ่มมีการจำหน่ายปลายเดือนพ.ค.62 และในเดือนส.ค. 62
มีการใช้อยู่ที่ 0.39
ล้านลิตร) และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 2.78
ล้านลิตร/วัน (เริ่มมีการจำหน่ายตั้งแต่เดือน ก.ค.61) โดยการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี10
และบี20
ภาครัฐได้ใช้มาตรการกำหนดส่วนต่างราคาขายปลีกให้ถูกกว่าดีเซลหมุนเร็วธรรมดา (บี7) อยู่ที่
1
และ 5
บาท/ลิตร ตามลำดับ
การใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยอยู่ที่
19.30
ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 0.1%
การใช้ LPG เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 17.97
ล้านกก./วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 1.2%
ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของการใช้ภาคปิโตรเคมี มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 7.50
ล้านกก./วัน คิดเป็น 12.1%
สำหรับการใช้ในสาขาอื่นๆ มีปริมาณการใช้ลดลง โดยภาคครัวเรือน
มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 5.79
ล้านกก./วัน คิดเป็น 2.3%
ภาคอุตสาหกรรม มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 1.81 ล้านกก./วัน คิดเป็น 3.4%
และภาคขนส่งลดลงมากที่สุด มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 2.87 ล้านกก./วัน คิดเป็น 12.0%
การใช้ NGV เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 5.55
ล้านกก./วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 11.1% โดยการใช้ NGV ลดลงเนื่องจากมีการปรับราคา NGV สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลทั่วไปให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง
ประกอบกับนโยบายส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20
สำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ทำให้ประชาชนและรถบรรทุกสินค้าหันไปใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์และดีเซลหมุนเร็วบี
20
ทดแทน ส่งผลให้สถานีบริการ NGV
นอกแนวท่อทยอยปิดตัวลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
การนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง
มีปริมาณนำเข้ารวมลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบเฉลี่ย 8 เดือน อยู่ที่ 916 พันบาร์เรล/วัน คิดเป็นอัตราลดลง 5.0%
โดยมีมูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบคิดเป็น 59,648
ล้านบาท/เดือน สำหรับน้ำมันสำเร็จรูปมีปริมาณนำเข้าเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 80
พันบาร์เรล/วัน คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 23.1% และมีมูลค่าการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปอยู่ที่ 5,270
ล้านบาท/เดือน สำหรับการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
พบว่า มีการนำเข้าน้ำมันเบนซิน ดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา
และน้ำมันอากาศยานเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่มีการนำเข้า LPG ลดลง
เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวมีการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นและ Emergency Shutdown ทำให้ต้องลดปริมาณการนำน้ำมันดิบเข้ากลั่นกระทบต่อปริมาณการผลิตของผลิตภัณฑ์ทุกชนิดรวมถึง
LPG ด้วย
ทำให้ต้องมีการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป เพื่อไม่ให้กระทบต่อความต้องการใช้ในประเทศ
การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปี
2561 อยู่ที่
166 พันบาร์เรล/วัน
คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 18.6%
โดยมีมูลค่าการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปเฉลี่ย 11,283 ล้านบาท/เดือน
โดยพบว่า มีการส่งออกน้ำมันเบนซิน ดีเซลพื้นฐานน้ำมันเตา และ LPG ลดลง
ในขณะที่มีการส่งออกน้ำมันอากาศยานและก๊าดเพิ่มขึ้น