นายคงกระพัน
อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)
หรือ GC กล่าวว่า GC ประกาศวิสัยทัศน์
พร้อมก้าวไกลไประดับโลก To be a Leading Global Chemical Company for
Better Living / เป็นผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากล
เพื่อสร้างสรรค์คุณภาพชีวิต โดยภายใต้วิสัยทัศน์นี้มีคีย์เวิร์ดสำคัญ 3
คำได้แก่ 1) Leading คือการเป็นผู้นำซึ่งในความหมายของ GC คือจะต้องวัดผลได้
2) Global ความหมายตรงตัว คือการมุ่งสู่ระดับโลก และ 3)
Better Living สร้างชีวิตที่ดี มุ่งเน้นความยั่งยืน
ตรงกับนโยบายการทำงานล่าสุดคือ "สานต่อ ต่อยอด" โดย
GC จะเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ 3
Steps :
• Step Change: สานต่อสร้างบ้านให้แข็งแรง GC
Group ก้าวสู่การเป็นผู้นำด้วยการสานต่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับฐานการผลิตปัจจุบันของบริษัทฯ
ที่มาบตาพุด จังหวัดระยอง โดยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพิ่ม Plant
Reliability ให้อยู่ในระดับ 1st Quartile และ
ต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจด้วยการขยายเข้าสู่ผลิตภัณฑ์ปลายน้ำและ High
Value Business รวมถึงการขยายตลาดในภูมิภาค South East
Asia
• Step Out: การหาฐานธุรกิจแห่งที่
2 (Second Home Base) ซึ่งมีศักยภาพในการแข่งขันด้านวัตถุดิบหรือการเติบโตของตลาด
อาทิ โครงการศึกษาการลงทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐฯ
ที่มีศักยภาพความเป็นต่อด้านวัตถุดิบ (Feedstock) ต่อยอดเข้าสู่ธุรกิจใหม่
ๆ ด้วย Mergers and Acquisitions (M&A) สร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด
• Step Up: สานต่อแนวคิดการเติบโตอย่างยั่งยืน
โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ซึ่ง
GC ได้ปฏิบัติอย่างโดดเด่น
ด้วยความคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อความยั่งยืนสูงสุด
และต่อยอดบูรณาการให้เกิดความยั่งยืน (Sustainability) ในทุกธุรกิจและกระบวนการของบริษัทฯ
โดยในปี 2562 GC ได้รับการจัดอันดับจาก DJSI ให้เป็นบริษัทอันดับ
1 ด้านการสร้างความยั่งยืนในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
ความก้าวหน้าโครงการลงทุน GC มีการลงทุนเพื่อต่อยอดโครงการลงทุนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง
สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐในการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมในบริเวณพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
หรือ EEC โดยปัจจุบันมีการลงทุนในโครงการหลักมูลค่าการลงทุนกว่า
100,000 ล้านบาท
โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต Olefins
Reconfiguration Project (ORP) เป็นการขยายกำลังการผลิตผ่านการลงทุนใน Naphtha
Cracker เพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับวัตถุดิบที่บริษัทฯ
มีอยู่แล้ว ต่อยอดธุรกิจปลายน้ำในอนาคตด้วยกำลังการผลิตเอทิลีน 500,000
ตันและ โพรพิลีน 250,000 ตัน อยู่ในระหว่างการก่อสร้างคืบหน้าไปแล้ว
ประมาณ 73% คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2563
มูลค่าโครงการประมาณ 36,000 ล้านบาท
โครงการโพรพิลีนออกไซด์ (Propylene
Oxide :PO) และ โครงการโพลีออลส์ (Polyols) เพื่อผลิตโพรพิลีนออกไซด์
(PO) 200,000 ตันต่อปี และผลิตภัณฑ์โพลีออลส์ (Polyols)
130,000 ตันต่อปี มีมูลค่าโครงการประมาณ 34,000
ล้านบาท โดยทั้ง 2
โครงการเป็นต่อยอดผลิตภัณฑ์โพรพิลีนไปสู่ผลิตภัณฑ์ปลายทางสายโพลียูรีเทน (Polyurethane)
ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเข้าสู่ผลิตภัณฑ์ High Value
Business ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โครงการ PO
คืบหน้าไปแล้ว 79% และโครงการโพลีออลส์ คืบหน้าไปแล้ว 77%
คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2563
โครงการร่วมลงทุนในธุรกิจเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ
ดำเนินการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกวิศวกรรมชั้นสูงใน 2
โครงการ ได้แก่ PA9T 13,000
ตัน/ปี และ HSBC 16,000 ตัน/ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2565
สอดคล้องกับทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ
ที่ต้องการขยายธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลายเกรดพิเศษ
เพื่อรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมยานยนต์ (Automotive) และ
เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (E&E) ซึ่งดำเนินงานโดยบริษัท
คุราเร่ จีซี แอดวานซ์ แมททีเรียลส์ จำกัด (KGC) มูลค่าโครงการประมาณ
15,000 ล้านบาท
โครงการพลาสติกรีไซเคิล
เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางด้าน Circular Economy ของ
GC โดยมีวัตถุประสงค์ในการนำบรรจุภัณฑ์ขวดพลาสติกที่ใช้แล้ว
มาเป็นวัตถุดิบในกระบวนการ Recycle ได้เม็ดพลาสติกคุณภาพสูงระดับ Food-Grade
และ Packaging-Grade
โครงการศึกษาการลงทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐฯ
ซึ่งโครงการดังกล่าวมีความได้เปรียบในด้านความสามารถในการแข่งขันทางด้านวัตถุดิบ
นั้นคือมีแหล่งวัตถุดิบ Ethane ซึ่งมีต้นทุนที่มีความสามารถในการแข่งขัน
ทั้งนี้คาดว่าในช่วงครึ่งปี 2563
จะได้ผลสรุปเพื่อตัดสินใจในการดำเนินโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ GC อยู่ในระหว่างการพิจารณาเงื่อนไขต่างๆ
ของโครงการเช่น เงื่อนไขสัญญาการก่อสร้างโครงการ และการจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการ
เป้าหมายเพื่อเป็น Second Home Base ของบริษัทฯ