นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซเปียน-เซน้ำน้อย
กำลังผลิตติดตั้ง 410 เมกะวัตต์ ในสปป.ลาว ซึ่งบริษัทฯ
ถือหุ้นสัดส่วน 25% ได้เดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าเชิงพาณิชย์
แล้วในวันนี้ (6 ธันวาคม 2562) โรงไฟฟ้าแห่งนี้จะผลิตกระแสไฟฟ้าจำหน่ายปีละประมาณ
1,804 กิกะวัตต์ชั่วโมง หรือ ล้านหน่วย
โดยมีการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้าลาว (Electricite Du
Laos: EDL) เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้า
สำหรับโรงไฟฟ้าเซเปียน-เซน้ำน้อย
มีกำลังผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวม 396 เมกะวัตต์ โดย 354
เมกะวัตต์ หรือ 1,575 ล้านหน่วย ผลิตเพื่อจำหน่ายให้กับ กฟผ.
เป็นระยะเวลา 27 ปี และกำลังผลิตอีก 42
เมกะวัตต์ หรือ 229 ล้านหน่วย ผลิตจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าลาว โครงการนี้พัฒนาภายใต้กรอบความร่วมมือการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าระหว่างรัฐบาลไทยและสปป.
ลาว โดยมีบริษัท ไฟฟ้า เซเปียน-เซน้ำน้อย จำกัด เป็นผู้ดำเนินงานโครงการ
ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างผู้ลงทุนเกาหลีใต้ ไทย และสปป.ลาว
"นับจากเหตุการณ์สะเทือนใจเมื่อปีที่แล้ว
ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ทุ่มเทความพยายามแก้ไขและฟื้นฟูผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจ
สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มที่ ในขณะที่การก่อสร้างโรงไฟฟ้า
ซึ่งได้ควบคุมความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ให้เดินหน้าแล้วเสร็จ
นอกจากนี้เพื่อลดผลกระทบแก่ผู้มีส่วนได้เสียส่วนหนึ่ง การฟื้นฟูและเยียวยา ชุมชน
สังคม และสิ่งแวดล้อมก็ทำคู่ขนานกันไปจนคืบหน้าเป็นรูปธรรม
และยังมีเป้าหมายดำเนินการแผนฟื้นฟูระยะยาวให้สำเร็จในปี 2564
จากนั้นก็จะสานต่อการพัฒนาชุมชน และคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืนต่อไป บริษัทฯ
ยังพร้อมสนับสนุนนโยบายแบตเตอรี่แห่งเอเชียของสปป.ลาว อย่างต่อเนื่อง
และเชื่อมั่นว่า โรงไฟฟ้าเซเปียน-เซน้ำน้อย
จะช่วยขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศได้ในระยะยาว"
นายกิจจา กล่าว
โรงไฟฟ้าพลังน้ำเซเปียน-เซน้ำน้อย
ตั้งอยู่ในแขวงจำปาสัก และแขวงอัตตะปือ สปป. ลาว พัฒนาและดำเนินงานโดยบริษัท ไฟฟ้า
เซเปียน-เซน้ำน้อย จำกัด ประกอบด้วยผู้ถือหุ้น 4 ราย
ได้แก่ SK Engineering &
Construction Company Limited ถือหุ้น (26%), Korea Western Power
Company Limited (25%), รัฐวิสาหกิจลาว (24%) และ
RATCH (25%) ไฟฟ้าที่ผลิตจำหน่ายให้ กฟผ. จะส่งผ่านสายส่งไฟฟ้าแรงสูงขนาด
500 กิโลโวลต์จากสถานีไฟฟ้าปากเซ สปป.ลาว
โดยระยะแรกจ่ายไฟฟ้าด้วยระบบ 230 กิโลโวลต์
มายังสถานีไฟฟ้าแรงสูงอุบลราชธานี 3 เพื่อมาเสริมระบบไฟฟ้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ