นายเพทาย หมุดธรรม รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
(สนพ.) กระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า วันนี้ (24 ธ.ค.62) สนพ. ได้จัดสัมมนาหัวข้อ "สมาร์ทกริด
(Smart Grid) ระบบโครงข่ายไฟฟ้า เพื่อเมืองอนาคต" ขึ้นที่จังหวัดปทุมธานี
โดยเป็นการสัมมนาที่ดำเนินการมาต่อเนื่อง เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนได้รับทราบถึงแนวทางพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ
หรือสมาร์ทกริด
ที่เข้ามามีบทบาทในการส่งเสริมการพัฒนาทั้งด้านการใช้และการผลิตไฟฟ้าในยุคใหม่ที่มีรูปแบบใหม่ๆ
เกิดขึ้นหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการที่ผู้ใช้ไฟฟ้าได้กลายเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าใช้เอง
(Prosumer) การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายการส่งเสริมของกระทรวงพลังงาน
เช่น โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน การวิจัยและพัฒนาระบบกักเก็บพลังงาน (Energy
Storage System) ตลอดจนการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งสมาร์ทกริด
จะเป็นระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะที่สามารถตอบสนองต่อการทำงานได้อย่างชาญฉลาด
มีความสามารถมากขึ้น โดยใช้ทรัพยากรที่น้อยลง มีประสิทธิภาพ มีความน่าเชื่อถือ
มีความปลอดภัย มีความยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
โดย สนพ. ได้ดำเนินการศึกษาและติดตามความก้าวหน้า
รวมทั้งทิศทางการพัฒนาระบบสมาร์ทกริดของโลกตั้งแต่ปี 2554
และต่อมาได้จัดทำแผนแม่บทการพัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริดของประเทศไทย พ.ศ. 2558
– 2579
พร้อมกับจัดทำแผนการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านสมาร์ทกริดของประเทศไทยขึ้น
โดยแบ่งการพัฒนาเป็น 3 กลุ่ม คือ การพัฒนาโดยเน้นการยกระดับความสามารถของระบบไฟฟ้า
(Smart System) การพัฒนาโดยเน้นการยกระดับคุณภาพบริการที่มีต่อผู้ใช้ไฟฟ้า
(Smart Life) และการพัฒนาโดยเน้นการยกระดับโครงสร้างระบบไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
(Green Society)
ปัจจุบันกรอบเวลาในการพัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริดอยู่ในช่วงที่สองของแผนแม่บทฯ
พ.ศ.2560 - 2564
ซึ่งเป็นช่วงแผนระยะสั้นในการพัฒนาโครงการนำร่องเพื่อทดสอบความเหมาะสมทางเทคนิคและความคุ้มค่าของการลงทุนในแต่ละเทคโนโลยี
ทั้งนี้ แผนแม่บทฯ แบ่งการพัฒนาออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่ ระยะเตรียมการ (พ.ศ. 2558
– 2559) ระยะสั้น (พ.ศ. 2560 – 2564) ระยะปานกลาง (พ.ศ. 2565 –
2574) และระยะยาว (พ.ศ. 2575 – 2579)
เพื่อเป็นกลไกสำคัญที่จะพัฒนาไปสู่ระบบโครงข่ายไฟฟ้าที่มั่นคงและเพียงพอ
"การพัฒนาระบบสมาร์ทกริดนอกจากเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานด้านไฟฟ้าให้ดีขึ้นเพื่อรองรับการประยุกต์ใช้งานต่างๆ
แล้ว ในระยะยาวจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
การพัฒนาและปรับปรุงระบบโครงข่ายไฟฟ้าเดิมให้เป็นระบบสมาร์ทกริดยังถือเป็นการเพิ่มโอกาสในการต่อยอดด้านต่างๆ
ของประเทศไทยให้ดียิ่งขึ้น ทั้งการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม
ด้านธุรกิจและการลงทุน รวมถึงพัฒนาด้านวิทยาการความรู้ทางเทคโนโลยี" นายเพทายกล่าว
สำหรับกิจกรรมสัมมนา "สมาร์ทกริด
(Smart Grid) ระบบโครงข่ายไฟฟ้า เพื่อเมืองอนาคต" สนพ.จะเดินหน้าจัดให้ความรู้ในจังหวัดต่างๆ
อย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากที่จังหวัดปทุมธานีแล้ว
มีกำหนดการจะจัดขึ้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ราชบุรี และขอนแก่น เป็นลำดับต่อไป
เพื่อให้ประชาชนและผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนได้รับทราบนโยบาย แผนงาน
และทิศทางการดำเนินงานของระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะที่จะเกิดขึ้นในอนาคต