นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ และบริษัท
กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (กัลฟ์) ได้บรรลุข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมหินกอง
กำลังผลิตติดตั้ง 1,400 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่ตำบลหินกอง อำเภอเมือง
จังหวัดราชบุรี โดย กัลฟ์ ได้เข้าร่วมทุนโดยซื้อหุ้นสัดส่วนร้อยละ 49 ในบริษัท
หินกองเพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด ทั้ง 2 บริษัทจะได้นำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมาพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมหินกอง
ให้เป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าที่ช่วยให้ระบบไฟฟ้าของประเทศมีความมั่นคง
และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้วย
ทั้งนี้ ราช กรุ๊ป และ กัลฟ์
เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ของประเทศที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจผลิตไฟฟ้า
การจับมือกันของทั้งสองบริษัทจะทำให้โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมหินกองสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมได้ดียิ่งขึ้น
และยังตอบสนองนโยบายความมั่นคงด้านพลังงานและการส่งเสริมให้ประเทศเป็นศูนย์กลางด้านพลังงานของอาเซียนด้วย
นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างพันธมิตรธุรกิจตอบสนองยุทธศาสตร์การเติบโตของบริษัทฯ
สู่เป้าหมายการเป็นผู้นำด้านพลังงานและระบบสาธารณูปโภคที่มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ด้วย
"บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า
โครงการโรงไฟฟ้าหินกอง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 1,400 เมกะวัตต์
จะเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าที่มีคุณูปการต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในระยะยาว
เพราะจะช่วยให้ระบบไฟฟ้าในภาคตะวันตกและภาคใต้ของประเทศมั่นคงและตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าของครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเล็งเห็นว่า ราช กรุ๊ป และกัลฟ์
มีทิศทางและเป้าหมายธุรกิจที่สอดคล้องกันจึงมีโอกาสขยายความร่วมมือเป็นพันธมิตรลงทุนโครงการอื่นๆ
ในอนาคต ซึ่งจะเสริมหนุนการสร้างมูลค่ากิจการของบริษัทฯ ให้เติบโตบรรลุเป้าหมาย
200,000 ล้านบาทในปี 2566 อีกด้วย" นายกิจจา กล่าว
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมหินกอง
ขนาดกำลังการผลิต 1,400 เมกะวัตต์ ประกอบด้วยหน่วยผลิตไฟฟ้าจำนวน 2
ชุด ชุดละ 700 เมกะวัตต์ ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง
พัฒนาและดำเนินการโดยบริษัท หินกองเพาเวอร์ จำกัด ซึ่งถือหุ้น 100% โดยบริษัท
หินกองเพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด
โครงการนี้ได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะเวลา 25 ปี
กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2562
และมีกำหนดการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในปี 2567 สำหรับหน่วยผลิตไฟฟ้าชุดที่ 1 และปี
2568 สำหรับหน่วยผลิตไฟฟ้าชุดที่ 2 ปัจจุบัน
โครงการนี้อยู่ระหว่างดำเนินการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม