ก.พลังงานลงนามลดผูกขาดธุรกิจน้ำมัน หั่นหุ้นเอสพีอาร์ซี30%

03/03/2015 | 1712 | Tags : News cate_sub_2_1

ก.พลังงานลงนามลดผูกขาดธุรกิจน้ำมัน หั่นหุ้นเอสพีอาร์ซี30%

   นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน  เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้ลงนามแก้ไขสัญญากับโรงกลั่นบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ เอสพีอาร์ซี โดยมีนายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธาน โดยสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาแก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่3 ) เกี่ยวกับการจัดสร้างและประกอบกิจการโรงกลั่นปิโตรเลียม ซึ่งต้องดำเนินการตามมติของคณะรัฐมนตรีที่เห็นชอบ(ร่าง)สัญญาดังกล่าวไปก่อนหน้านี้
   โดยสาระสำคัญของสัญญา คือ การลดสัดส่วนการถือหุ้นของเอสพีอาร์ซี ไม่น้อยกว่า30% ของทุนจดทะเบียน และจำหน่ายหุ้นให้แก่ประชาชนในโอกาสแรก (ไอพีโอ) โดยนำหลักทรัพย์ของบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ต.ล.ท.)อย่างช้าภายในปี 2558 
   ทั้งนี้ในส่วนของหุ้นที่จะมีการทำไอพีโอ ทางกลุ่มเชฟรอนซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จะต้องไปเจรจาตกลงกับ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ซึ่งถือหุ้นในเอสพีอาร์ซีอยู่ 36%  ว่าจะมีการลดสัดส่วนหุ้นของฝ่ายใดลงบ้าง เพื่อให้ได้หุ้นไม่น้อยกว่า 30% โดยอาจจะเป็นเป็นหุ้นของปตท.25% และเชฟรอน 5% หรืออาจจะเป็นหุ้นในส่วนของปตท.ทั้งหมด 30%  หรือปตท.ลดสัดส่วนลงทั้งหมด 36% เลยก็ได้   เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลต้องการที่จะให้ปตท.ลดสัดส่วนการถือหุ้นที่ถืออยู่ในเอสพีอาร์ซี เพื่อไม่ให้มีอำนาจในการบริหารจัดการใดใดเหลืออยู่  และให้มีการแข่งขันระหว่างโรงกลั่นน้ำมันที่มีอยู่ในประเทศมากขึ้น   จากที่ผ่านมามีข้อกล่าวหาว่าที่ราคาน้ำมันในประเทศมีราคาแพงเพราะ ปตท.มีอำนาจผูกขาดในโรงกลั่นน้ำมัน 
   นายวิฑูรย์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดทำแผนแม่บทน้ำมัน ด้วยว่า น่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือน มี.ค.2558  โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการหารือเป็นการภายในกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว  ซึ่งในแผนดังกล่าวได้มีการกำหนดเป็นหัวข้อต่างๆเช่น การนำแผนการประหยัดพลังงาน และแผนส่งเสริมพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก เข้ามาคิดรวมอยู่ในแผนน้ำมันด้วย เพื่อที่จะรู้ว่าในช่วงระยะเวลา 20ปี ของแผนแม่บทน้ำมันนั้น จะสามารถประหยัดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงลงไปได้เท่าไหร่  และจะมีพลังงานทดแทน และพลังงานทางเลือกอย่าง เอทานอล ,ไบโอดีเซล ,ก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) ,ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(เอ็นจีวี) หรือเชื้อเพลิงในอนาคตอื่นๆ เข้ามาทดแทนน้ำมัน ได้มากน้อยแค่ไหน เชื้อเพลิงประเภทใดควรจะส่งเสริมให้กลุ่มผู้ใช้รถประเภทใด   ความจำเป็นในการลดชนิดของน้ำมันเชื้อเพลิงลง  เรื่องของโครงสร้างภาษีและกองทุนน้ำมันที่เหมาะสม รวมทั้งนโยบายของรัฐในเรื่องของการส่งเสริมการขนส่งทั้งคนและสินค้าด้วยระบบรางมากขึ้น   นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน เช่นแผนการขนส่งน้ำมันทางท่อ  การสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์  
   โดยแผนแม่บทน้ำมันจะมีความสำคัญที่จะทำให้รู้ทิศทางการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในระยะยาว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ ต่อภาคขนส่ง อุตสาหกรรมยานยนต์ โรงกลั่นน้ำมัน  รวมทั้งผู้บริโภค  ซึ่งในเป้าหมายหลักของกระทรวงพลังงาน คือต้องการที่จะลดการนำเข้าน้ำมันลงและหันมาใช้พลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกอื่นๆให้มากขึ้น 
   ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการลงนามระหว่างกระทรวงพลังงานกับโรงกลั่นเอสพีอาร์ซี เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2558 โดยเป็นการลงนามแบบไม่เปิดเผยและไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปทำข่าวแต่อย่างใด ก่อให้เกิดข้อข้องใจว่า เหตุใดจึงไม่เปิดเผยการลงนามทั้งเป็นเรื่องนโยบายรัฐบาลที่สำคัญและสังคมให้ความสนใจมาก 
...................
Comment : ก.พลังงานลงนามลดผูกขาดธุรกิจน้ำมัน หั่นหุ้นเอสพีอาร์ซี30%
รายการอื่นๆที่น่าสนใจ