นายชวลิต ทิพพาวนิช
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์
ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้า กลุ่ม ปตท.
เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ
ได้มีมติเลื่อนการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 จากกำหนดเดิมวันที่ 1 เมษายน
2563 ออกไปจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ยังคงวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD และวันกำหนดสิทธิในการได้รับเงินปันผล
(Record Date) เพื่อการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการครึ่งหลังของปี
2562 ตามเดิมเพื่อประโยชน์และรักษาสิทธิของผู้ถือหุ้น
โดยคณะกรรมการบริษัทฯ
ได้อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ครั้งที่ 2 สำหรับผลประกอบการครึ่งหลังของปี
2562 ตามงบการเงินสิ้นสุด ณ วันที่ 31
ธันวาคม 2562 ซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบและรับรองโดยผู้สอบบัญชีของบริษัทฯ
แล้วในอัตราหุ้นละ 0.80 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,255,783,493.60 บาท
ซึ่งกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 17 เมษายน 2563
เมื่อรวมกับการจ่ายปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2562 (มกราคม -
มิถุนายน 2562) ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท
ส่งผลให้บริษัทฯ มีการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2562
ทั้งสิ้นในอัตราหุ้นละ 1.30 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,004,933,893.60 บาท
สำหรับการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลดังกล่าว
คณะกรรมการบริษัทฯ จะจ่ายให้เฉพาะผู้ถือหุ้นที่มีรายชื่อในทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ
วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563
และคณะกรรมการบริษัทฯ เสนอที่จะไม่จ่ายเงินปันผลประจำปี สำหรับผลการดำเนินงานปี
2562 อีก อย่างไรก็ดี การเลื่อนประชุมสามัญผู้ถือหุ้นฯ ดังกล่าว
ไม่กระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ
เพราะหากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เข้าสู่สถานการณ์ปกติ คณะกรรมการบริษัทฯ
จะกำหนดวันประชุมและวาระการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 ขึ้นใหม่
และจะแจ้งให้ผู้ถือหุ้นได้รับทราบต่อไป
นายชวลิต กล่าวว่า บริษัทฯ
ได้ให้ความร่วมมือต่อนโยบายภาครัฐในการลดความเสี่ยงการแพร่กระจายไวรัสโควิด-19
ด้วยการกำหนดมาตรการเตรียมพร้อมต่าง ๆ ได้แก่ การจัดเตรียมสถานที่ควบคุมพิเศษ(Safe
House) สำหรับการพักอาศัยของพนักงานสายปฏิบัติงานการผลิตที่มีความจำเป็นต้องดูแลระบบความมั่นคงของการผลิตไฟฟ้าและสาธารณูปโภคอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงได้จัดให้มีจุดคัดกรอง
และออกกฎระเบียบห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าสู่กระบวนการผลิตและห้องควบคุมการผลิต
เพื่อลดโอกาสและป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้ ยังให้พนักงานสายงานสนับสนุนการผลิต
ปฏิบัติงาน ณ ที่พักอาศัย (Work from home) เป็นต้น
เพื่อสร้างความมั่นคงต่อระบบการผลิตไฟฟ้าและสาธารณูปโภคให้ได้มากที่สุดในสถานการณ์ที่ไม่ปกติอันเนื่องมาจากภาวะการแพร่ระบาดของโควิด-19
นี้
"มาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดที่บริษัทฯ
ได้ดำเนินการอย่างเข้มงวดในขณะนี้
มีส่วนสำคัญต่อการสร้างความมั่นคงในระบบไฟฟ้าและสาธารณูปโภค
ที่จะตอบสนองความต้องการให้กับลูกค้า นอกจากนี้ บริษัทฯ
ยังได้เตรียมความพร้อมสำหรับแผนการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business
Continuity Plans: BCP) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าจะสามารถจัดการและดำเนินการผลิตได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดชะงัก
และสามารถกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ในเวลาอันรวดเร็ว" นายชวลิต
กล่าว