นายพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา
ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)
หรือ GPI ผู้นำสร้างสรรค์การจัดกิจกรรมให้บริการข่าวสาร
ข้อมูล สาระ เพื่อสร้างประสบการณ์ และความบันเทิงที่น่าประทับใจตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ยานยนต์
เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ทรูเอ็นเนอร์จี จำกัด
ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิง RDF กำลังการผลิตติดตั้ง
9 เมกะวัตต์ (MW) ในอำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ จำนวนทั้งสิ้น
7 แสนหุ้นหรือคิดเป็น 25.45% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของทรูเอ็นเนอร์จี
โดยใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 250 ล้านบาท ซึ่งมีแหล่งเงินมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ
และจะส่งผลให้ทรูเอ็นเนอร์จี มีสถานะเป็นบริษัทร่วมของ GPI
การเข้าลงทุนครั้งนี้คาดว่าใช้ระยะเวลาคืนทุน
5 ปี และนับเป็นการแตกไลน์ธุรกิจครั้งใหญ่ของ GPI หลังจากได้พิจารณาโอกาสการลงทุนในธุรกิจต่างๆ
มาอย่างต่อเนื่องนับจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
คาดว่าโรงไฟฟ้าดังกล่าวจะสามารถสร้างรายได้ทั้งสิ้นปีละประมาณ 400 ล้านบาท
ซึ่งจะมีผลต่อโครงสร้างผลการดำเนินงานในอนาคตของบริษัทฯที่จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนการถือหุ้น
25.45% ในธุรกิจโรงไฟฟ้าดังกล่าว จากปัจจุบันที่รายได้หลักของ GPI กว่า
80% มาจากกลุ่มธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้าและกิจกรรมส่งเสริมการตลาด เช่น งาน Bangkok
International Motor Show
"ปัจจัยที่บริษัทฯ
ตัดสินใจลงทุนครั้งนี้ เพราะมองว่าโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิง RDF เป็นธุรกิจที่มีรายได้แน่นอนและมีความสม่ำเสมอในระยะยาว
เนื่องจากมีการทำสัญญาขายไฟฟ้าแก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่ชัดเจน
ประกอบกับทรูเอ็นเนอร์จีเป็นผู้ประกอบการที่มีเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้า
จึงมั่นใจว่าจะสามารถบริหารจัดการธุรกิจเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ยังใช้เชื้อเพลิงที่มาจากการแปรรรูปขยะชุมชน
เป็นการช่วยลดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย" นายพีระพงศ์
กล่าว
นายจำรัส เตชะนิธิ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรูเอ็นเนอรจี จำกัด
ผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงRDF กล่าวว่า หลังจาก GPI เข้าถือหุ้นในบริษัทฯ
จะช่วยเสริมศักยภาพและความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินแก่ทรูเอ็นเนอร์จี โดยบริษัทฯ
ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2547 และได้ขยายการลงทุนสู่ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิง RDF
ในอำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์
โดยนำขยะชุมชนมาแปรรูปเป็นเชื้อเพลิง RDF ในการผลิตกระแสไฟฟ้า
ปัจจุบันโครงการโรงไฟฟ้าดังกล่าวมีความคืบหน้าการก่อสร้างกว่า
95% คาดว่าจะเริ่มผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation
Date) ภายในไตรมาส 3/2563
โดยมีสัญญซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และได้รับ Adder หรือส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้าในอัตรา
3.50 บาทต่อหน่วย (Kwh) เพิ่มจากค่าไฟฐานเป็นระยะเวลา 7
ปีนับจากวันที่เริ่มต้นจำหน่ายไฟฟ้า
หลังจากนั้นราคารับซื้อจะเป็นตามราคารับซื้อพื้นฐานและนโยบายของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ทั้งนี้ ทรูเอ็นเนอร์จี
ได้ทำสัญญารับกำจัดขยะโดยวิธีคัดแยกกับเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ มีอายุสัญญา 25 ปี
(นับจาก 12 พฤศจิกายน 2558)
เพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า
จากการประเมินปริมาณขยะจากบ่อฝังกลบของเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์
พบว่ามีปริมาณขยะจากบ่อฝังกลบ 3 แห่งรวมประมาณ 5 แสนตัน ในจำนวนนี้ประมาณ 70%
สามารถนำมาแปรรูปเป็นเชื้อเพลิง RDF ซึ่งเมื่อรวมกับปริมาณขยะที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต
มั่นใจว่าจะมีปริมาณขยะเพียงพอต่อการแปรรูปเป็นเชื้อเพลิง RDF ตลอดอายุสัญญาจำหน่ายไฟฟ้า
และได้วางแผนจัดหาแหล่งขยะอื่นๆ เพิ่มเติม
นอกจากนี้ได้วางมาตรการป้องกันและลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชนที่สอดคล้องกับเงื่อนไขและข้อกำหนดตามประมวลหลักการปฏิบัติ
หรือ Code of Practice (COP) เพื่อให้ความมั่นใจแก่ผู้พักอาศัยในบริเวณใกล้เคียง
เช่น การออกแบบอาคารเป็นระบบปิด, ติดตั้งปล่องระบายมลพิษทางอากาศที่มีความสูงตามหลักเกณฑ์
Good Engineering Practice