นายกัมปนาท บำรุงกิจ
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานกลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป กล่าวว่า บริษัทฯ
มีกำไรจากการดำเนินงาน (ไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี การด้อยค่าของสินทรัพย์
การวัดมูลค่าเครื่องมือทางการเงิน และการรับรู้รายได้แบบสัญญาเช่า) จำนวน 2,357
ล้านบาท ลดลงจำนวน 558 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี
2562 โดยมีสาเหตุหลักจากผลประกอบการที่ลดลงของโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี เคซอน และไซยะบุรี
"แม้วิกฤตโควิด-19
จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานในระยะสั้นของบริษัทฯ บ้าง ได้แก่ การสั่งการผลิตไฟฟ้า
(Dispatch) น้อยลง
ซึ่งแปรผันตามความต้องการใช้ไฟฟ้าภายในประเทศที่ลดลง และการเลื่อนแผนการบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าบางแห่งในต่างประเทศออกไปเป็นช่วงครึ่งปีหลังของปี
2563 เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องการเดินทางและการขนส่งอุปกรณ์ซ่อมบำรุงต่างๆ
แต่ในภาพรวมการดำเนินงาน เอ็กโก กรุ๊ป
ยังสามารถดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ
ตามแผนการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan – BCP) ที่ได้จัดทำทั้งสำหรับสำนักงานใหญ่และโรงไฟฟ้าต่างๆ
ในกลุ่มเอ็กโก โดยมีการทบทวนแผน BCP
ให้สอดคล้องกับสถานการณ์อยู่เสมอ และจนถึงปัจจุบัน โรงไฟฟ้า 28 แห่ง ในกลุ่มเอ็กโก
ทั้งในและต่างประเทศ ยังคงเดินเครื่องเชิงพาณิชย์และจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้อย่างราบรื่น รวมถึงการก่อสร้างโครงการต่างๆ
และการลงทุนใหม่ มีความก้าวหน้าและเป็นไปตามแผนงาน" ดร.กัมปนาท
กล่าว
ความสำเร็จที่สำคัญในช่วงไตรมาสที่ 1
จนถึงปัจจุบัน ได้แก่ ความก้าวหน้าในโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ปัจจุบัน
เอ็กโก กรุ๊ป มีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 3 โครงการ
ประกอบด้วยโครงการโรงไฟฟ้า 2 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง "กังดง"
ในเกาหลีใต้ ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จร้อยละ 91.55
ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในไตรมาสที่ 4 ปี 2563 โรงไฟฟ้าพลังน้ำ
"น้ำเทิน 1" ใน
สปป.ลาว ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จร้อยละ 69.23
ซึ่งคาดว่าจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในไตรมาสที่ 2 ปี 2565 นอกจากนี้
ยังมีโครงการธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง 1 โครงการ ได้แก่
โครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จร้อยละ
31.32 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในไตรมาสที่ 4
ปี 2564
นอกจากนั้น ด้านการลงทุน เอ็กโก กรุ๊ป ได้ซื้อหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 25 ในบริษัท หยุนหลิน โฮลดิ้ง จีเอ็มบีเอช จำกัด ซึ่งถือหุ้นทั้งหมดในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งทะเล "หยุนหลิน" กำลังการผลิต 640 เมกะวัตต์ ในไต้หวัน โดยการซื้อขายหุ้นได้เสร็จสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2563 ซึ่งนับเป็นความสำเร็จ ในการขยายการลงทุนสู่พื้นที่ใหม่ในไต้หวันอย่างเป็นทางการ
"เอ็กโก กรุ๊ป
ยังคงมุ่งมั่นขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจตามทิศทางการดำเนินงานที่ได้กำหนดไว้
ทั้งด้านการผลิตและให้บริการด้านพลังงาน ครอบคลุมการผลิตไฟฟ้า
ซึ่งยังคงเป็นธุรกิจหลักและเป็นความเชี่ยวชาญทั้งโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและพลังงานหมุนเวียน
รวมทั้งแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง เช่น Smart
Energy Solution เพื่อเพิ่มมูลค่าและส่งเสริมการดำเนินธุรกิจในภาพรวม
ตลอดจนเปิดกว้างเรื่องพื้นที่การลงทุนที่ไม่ได้จำกัดอยู่ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
เราจึงมั่นใจว่า เอ็กโก กรุ๊ป จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในอนาคต"
ดร. กัมปนาท กล่าวทิ้งท้าย