นายบัณฑิต สะเพียรชัย
กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานกรรมการบริษัท ไทยดิจิทัลเอนเนอร์ยี่เดเวลอปเม้นท์
จำกัด (Thai Digital Energy Development/TDED) เปิดเผยว่า พาวเวอร์ เล็ดเจอร์ บริษัทชั้นนำระดับโลกจากประเทศออสเตรเลีย
ผู้บุกเบิกในการนำเทคโนโลยีบล็อคเชน มาใช้ในการบริหารจัดการพลังงาน
เป็นผลสำเร็จรายแรกๆ ของโลก เจ้าของ เพียร์ทูเพียร์ เอนเนอร์ยี่ เทรดดิ้ง
แพลตฟอร์ม ได้ลงนามสัญญาให้ไทยดิจิทัลเอนเนอร์ยี่เดเวลอปเม้นท์
บริษัทในเครือบีซีพีจี เป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการเพียงผู้เดียว
ในการพัฒนาธุรกิจดิจิทัลร่วมกับเทคโนโลยี บล็อคเชน ในประเทศไทย
การพัฒนาธุรกิจดิจิทัลร่วมกับเทคโนโลยีบล็อคเชนดังกล่าว เป็นการบริหารจัดการพลังงาน
โดยการนำเทคโนโลยีบล็อคเชนมาใช้ในการแลกเปลี่ยนซื้อขายไฟฟ้าระหว่างกัน (Peer
to Peer Energy Trading ) รวมถึงการซื้อขายโภคภัณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental
Commodity Trading)หรือการซื้อขายเครดิตพลังงานทดแทน (Renewable Energy Credit)
โดยการลงนามเป็นพันธมิตรเพียงผู้เดียวของพาวเวอร์
เล็ดเจอร์ ในการพัฒนาธุรกิจดิจิทัลร่วมกับเทคโนโลยีบล็อคเชน ในประเทศไทย.ของบริษัท
ไทยดิจิทัลเอนเนอร์ยี่เดเวลอปเม้นท์ ในครั้งนี้
ถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญในการขยายธุรกิจด้านดิจิทัลของกลุ่มบริษัทบีซีพีจี
ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการบริหารจัดการพลังงาน
ซึ่งบีซีพีจีได้ให้ความสำคัญมาโดยตลอด
"พาวเวอร์เล็ดเจอร์
ถือเป็นบริษัทสตาร์ทอัพด้านการบริหารจัดการพลังงานหมุนเวียน ที่นำเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกอย่างบล็อคเชน
มาใช้ในการแลกเปลี่ยนซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดในรูปแบบ เพียร์ ทู เพียร์ (Peer
to Peer) และรุกธุรกิจการซื้อขายเครดิตพลังงานทดแทน
ด้วยเทคโนโลยีบล็อคเชนเป็นผลสำเร็จรายแรกๆ ของโลก
ในขณะที่ ไทยดิจิทัลเอนเนอร์ยี่เดเวลอปเมนท์
ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบีซีพีจี กับ บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม
อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัทในเครือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ที่มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้านดิจิทัล เอนเนอร์ยี่ (Digital
Energy) แบบครบวงจรเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่กำลังมีบทบาทมากขึ้นในปัจจุบัน
ซึ่งการจับมือเป็นพันธมิตรในครั้งนี้
จึงเป็นความลงตัวและเสริมจุดแข็งของไทยดิจิทัลเนเนอร์ยี่ฯ
ในการจัดหาและพัฒนานวัตกรรมต่างๆ
ที่จะทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงพลังงานสะอาดได้ง่ายขึ้นและสามารถบริหารจัดการพลังงานสะอาดได้ด้วยตนเอง"
ทั้งนี้ ไทยดิจิทัลเอนเนอร์ยี่ฯ
ได้นำผลิตภัณฑ์พลังงานดิจิทัลจากเทคโนโลยี บล็อคเชน ของพาวเวอร์ เล็ดเจอร์
มาร่วมพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์พลังงานดิจิทัลต่างๆ ของบริษัท
โดยมีเป้าหมายนำมาใช้ในโครงการทดสอบนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการให้บริการด้านพลังงาน
(ERC Sandbox) ซึ่งบีซีพีจี และ ไทยดิจิทัลเอนเนอร์ยี่ฯ
ได้มีโครงการที่เข้าร่วมและได้รับการตอบรับจาก ERC จำนวน
3 โครงการ
โดยจะนำไปพัฒนาในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคากับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่กำลังการผลิต
12 เมกะวัตต์เป็นแห่งแรก
หลังจากประสบความสำเร็จจากการนำไปพัฒนาในโครงการทาวน์สุขุมวิท 77 หรือ T77
เป็นโครงการแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาแล้วเมื่อปี 2561
"บีซีพีจีเองได้ร่วมงานกับพาวเวอร์
เล็ดเจอร์ มาตั้งแต่ปี 2560 และ มาถึงขณะนี้ ไทยดิจิทัลเอนเนอร์ยี่
ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบีซีพีจี ได้ก้าวขึ้นมาในฐานะพันธมิตรอย่างเป็นทางการของพาวเวอร์
เล็ดเจอร์ ในประเทศไทย เรามีความพร้อม และตั้งใจอย่างแรงกล้า
ในการร่วมมือกับธุรกิจใหม่ๆ ที่ต้องการนำเพียร์ทูเพียร์ เอนเนอร์ยี่ เทรดดิ้ง
แพลตฟอร์ม (Peer to Peer Energy Trading Platform) หรือการแลกเปลี่ยนซื้อขายไฟฟ้าระหว่างกันด้วยเทคโนโลยี
บล็อคเชน
ไปพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์พลังงานดิจิทัลต่างๆ ของทุกธุรกิจ " นายบัณฑิตกล่าว
ทั้งนี้ การนำเทคโนโลยีบล็อคเชน
มาใช้ในการแลกเปลี่ยนซื้อขายไฟฟ้าในรูปแบบพียร์ทูเพียร์ (Peer to
Peer) หรือ Peer to Peer Energy
Trading Platform ได้สร้างปรากฎการณ์ เปลี่ยน Consumer เป็น
"Prosumers" ทำให้ผู้ต้องการใช้พลังงานสามารถเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคในเวลาเดียวกัน
และยังสามารถขายพลังงานส่วนเกินที่ผลิตได้ให้กับสมาชิกหรือชุมชนที่มีต้องการอีกด้วย
ซึ่งการบริหารจัดการพลังงานในรูปแบบดังกล่าวประสบผลสำเร็จและสามารถดำเนินการได้จริง
จากโครงการนำร่องแลกเปลี่ยนไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดด้วยบล็อคเชน ที่โครงการ T77
ซึ่งบีซีพีจีได้จับมือกับพาวเวอร์ เล็ดเจอร์ แสนสิริ และ กฟน.
นับเป็นการเพิ่มมูลค่าของการลงทุนด้านการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและยังถือเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกทางหนึ่ง