นายณรัฐ รุจิรัตน์
ผู้อำนวยการสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (สฟอ.) เปิดเผยว่า
โครงการศึกษาวิจัยจำลองกระบวนการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
มุ่งหมายที่จะส่งเสริมให้เกิดระบบการจัดการซากผลิตภัณฑ์ฯ อย่างเป็นระบบและยั่งยืน
และสอดคล้องกับร่าง พ.ร.บ.
การจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย
ซึ่งกำหนดประเภทของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สำคัญไว้
5 ประเภท ได้แก่ 1) คอมพิวเตอร์ 2) เครื่องโทรศัพท์และโทรศัพท์ไร้สาย 3)
เครื่องปรับอากาศ 4) เครื่องรับโทรทัศน์ 5) ตู้เย็น
เนื่องจากปัจจุบันการใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
จากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษ ประเทศไทยเกิดซากผลิตภัณฑ์ฯ เป็นจำนวนมากกว่า 400,000
ตันต่อปี
โดยซากผลิตภัณฑ์ฯ
เหล่านี้มีส่วนประกอบทั้งส่วนที่มีมูลค่าและส่วนที่มีความเป็นพิษต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทยก็ยังไม่มีระบบการจัดการซากผลิตภัณฑ์ฯ
ที่เหมาะสมและครอบคลุมทั้งการจัดเก็บ การรวบรวม การคัดแยก การถอดแยกชิ้นส่วน
และการกำจัดซากผลิตภัณฑ์ฯ
อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการและเป็นระบบทำให้ประชาชนทิ้งซากผลิตภัณฑ์ฯ
ปนอยู่กับสิ่งปฏิกูลและขยะมูลฝอย หรือมีการจัดการที่ไม่เหมาะสม
ส่งผลให้เกิดการปนเปื้อนออกสู่สิ่งแวดล้อม และอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของผู้ถอดแยกและสะสมในสิ่งแวดล้อม
เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการผลักดันให้เกิดระบบการจัดการซากผลิตภัณฑ์ฯ
ที่สอดคล้องกับร่าง พ.ร.บ.ฯ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งกลุ่มผู้ผลิต ผู้รวบรวม
ผู้ขนส่งและโรงงานถอดแยกชิ้นส่วน จึงต้องทำการศึกษาวิจัยและดำเนินโครงการศึกษาวิจัยจำลองกระบวนการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการ 15 เดือน ตั้งแต่เดือนกันยายน 2563 – พฤศจิกายน
2564
ทั้งนี้ โครงการฯ
จะเริ่มดำเนินกิจกรรมรับคืนซาก ประมาณการไว้ในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม
2564 และดำเนินการขั้นตอนต่าง ๆ ผ่านระบบฐานข้อมูล Digital WEEE Manifest ซึ่งเป็นระบบที่พัฒนาเพื่อเป็นเครื่องมือติดตามซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางและจะดำเนินการนำร่องในพื้นที่ตัวอย่าง 2 พื้นที่ได้แก่
จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดบุรีรัมย์
นายยงยุทธ ศรีชัย
ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารด้านการใช้ไฟฟ้าและกิจการเพื่อสังคม กฟผ.
กล่าวถึงการมีส่วนร่วมของ กฟผ. ในฐานะผู้สนับสนุนหลักโครงการศึกษาวิจัยฯ
ครั้งนี้ว่า นอกจากการผลิตและจัดหาพลังงานไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนคนไทยแล้ว
กฟผ.
ยังมีอีกหนึ่งบทบาทในการส่งเสริมให้ประชาชนใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพผ่านมาตรการติดฉลากแสดงระดับประสิทธิภาพกับผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือ
"โครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5" รวมถึงมีความตระหนักต่อการพัฒนาที่สมดุลตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
(Sustainable Development Goals; SDGs)
ตลอดจนสร้างความตระหนักให้ผู้ประกอบการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
เกิดการปรับปรุง พัฒนากระบวนการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
และลดการใช้สารอันตรายในเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
เพื่อส่งเสริมแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ทำให้เกิดการนำกลับมาใช้ใหม่
(Recycle) อย่างเป็นรูปธรรม ยั่งยืน
เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
อันเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างความยั่งยืนด้านทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม
และพลังงานของประเทศไทย