นายอนุทิน ชาญวีรกูล
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า องค์การเภสัชกรรม
(อภ.) จับมือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
เดินหน้าสร้างโรงงานผลิตยาทุกรูปแบบที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง
เป็นแห่งแรกของประเทศไทย
ทั้งนี้โรคมะเร็งเป็นหนึ่งในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่เป็นปัญหาสำคัญของระบบสาธารณสุข
และเป็นสาเหตุการตายสูงเป็นอันดับ 1 ต่อเนื่องนาน 20 ปี
คนไทยต้องเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งกว่า 80,000 คนต่อปี และมีค่าใช้จ่ายด้านยาที่สูงมาก
ความร่วมมือในการสร้างโรงงานผลิตยารักษาโรคมะเร็งในครั้งนี้ จะทำให้ประเทศไทยมีโรงงานที่สามารถผลิตยารักษาโรคมะเร็งที่ครอบคลุมการรักษาทุกกลุ่มโรคมะเร็งในปัจจุบัน
และในทุกกลุ่มการผลิต ทั้งรูปแบบยาเคมีบำบัด
ซึ่งเป็นยาพื้นฐานในการรักษาโรคมะเร็งที่ออกฤทธิ์ทั่วร่างกาย
และกลุ่มยารักษาแบบจำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง เมื่อผลิตได้สำเร็จคาดว่าจะช่วยลดราคายาลงได้มากกว่า
50 เปอร์เซ็นต์ การที่ประเทศไทยจะมีโรงงานผลิตยารักษาโรคมะเร็งขึ้นเอง
จะเป็นการลดภาระการนำเข้ายาจากต่างประเทศซึ่งปัจจุบันต้องนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด
มูลค่ามากกว่า 21,000 ล้านบาทต่อปี ทำให้เพิ่มการเข้าถึงยาได้มากขึ้น เป็นการพึ่งพาตนเอง
และยังเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมยาของไทยทัดเทียมสากล สร้างความมั่นคงทางยา
ถือเป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า
เนื่องด้วยโรคมะเร็งเป็นโรคที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
โดยการใช้ยาต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ร่วมกับการรักษาด้วยวิธีอื่น
ทำให้การเข้าถึงยาที่มีคุณภาพทำได้ยากและมีราคาแพง ดังนั้น
การส่งเสริมการวิจัยและการผลิตยาที่ทันสมัย จึงเป็นสิ่งจำเป็น
สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาประเทศ ในการมุ่งเน้น เศรษฐกิจชีวภาพ
เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว (BCG Economy) ซึ่งเป็น
New S-Curve ของประเทศไทย โดยอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Comprehensive
Medical Industry) เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพและจะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจของไทยเป็นศูนย์กลางทางด้านสุขภาพและวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น
(Life Science) ซึ่งเป็นยอด
ปิรามิดสูงสุดในอุตสาหกรรมชีวภาพ
ความร่วมมือพัฒนาโครงการโรงงานผลิตยารักษาโรคมะเร็งระหว่าง
องค์การเภสัชกรรม กับ ปตท. นี้
เป็นอีกก้าวที่จะช่วยบรรลุเป้าหมายการยกระดับสาธารณสุข วิทยาศาตร์เทคโนโลยี
และการแพทย์ของไทย
ส่งเสริมการต่อยอดงานวิจัยทางการแพทย์ของประเทศให้สำเร็จเป็นรูปธรรม อีกทั้ง จะก่อให้เกิดการจ้างงาน
ช่วยลดค่าใช้จ่ายของภาครัฐในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง
ตลอดจนเสริมสร้างศักยภาพและความมั่นคงทางด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
นายแพทย์วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์
ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า องค์การเภสัชกรรม
เป็นองค์กรหลักด้านยาและเวชภัณฑ์ของประเทศ ได้ดำเนินโครงการพัฒนายารักษาโรคมะเร็ง
โดยดำเนินการวิจัย พัฒนา
และรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากผู้ผลิตยารักษาโรคมะเร็งชั้นนำของโลก
พร้อมทั้งมีแผนก่อสร้างโรงงานผลิตยารักษาโรคมะเร็งขึ้นมาโดยเฉพาะ โดยมุ่งเน้นการผลิตยารักษาโรคมะเร็ง
ทั้งยาเคมีบำบัด (Chemotherapy) และกลุ่มยารักษาแบบจำเพาะเจาะจง (Targeted
Therapy) ประกอบด้วย ยาชนิดเม็ดประเภท Tyrosine
Kinase Inhibitors (TKIs) ซึ่งเป็นยาชนิด small molecule สามารถแพร่เข้าเซลล์และจับกับเป้าหมายภายในเซลล์ได้โดยตรง
และยาฉีดชีววัตถุคล้ายคลึงประเภท Monoclonal antibodies (Biosimilar) ซึ่งส่วนใหญ่ไม่สามารถผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ได้
แต่จะไปจับเป้าหมายที่อยู่ภายนอกเซลล์หรือบนผิวเซลล์
ด้วยโรงงานผลิตยารักษาโรคมะเร็ง
ต้องมีมาตรฐานคุณภาพการผลิตที่เป็นสากล
มีมาตรฐานความปลอดภัยและต้องใช้เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง อภ. กับ ปตท.
จึงได้ร่วมกันดำเนินการศึกษาและออกแบบโรงงานผลิตยารักษาโรคมะเร็ง นอกจากนี้
โรงงานแห่งนี้สามารถรองรับและต่อยอดงานวิจัยจากห้องปฏิบัติการสู่การผลิตในระดับอุตสาหกรรม
ถือเป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
เพื่อให้ประเทศมีความมั่นคงด้านยาและพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.)
กล่าวว่า โครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยารักษาโรคมะเร็งนี้
เป็นหนึ่งในเจตนารมณ์ของ ปตท. ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนตามพันธกิจ "Powering
Thailand’s Transformation" ที่มุ่งเป็นแรงขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลง
โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม สู่ทุกภาคส่วน มุ่งยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ
พร้อมพัฒนาสังคมและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย
ด้วยเล็งเห็นถึงประโยชน์ต่อประเทศในการช่วยรักษาชีวิตผู้ป่วยโรคมะเร็งที่มีจำนวนมากในปัจจุบัน
อีกทั้ง ยังช่วยประหยัดงบประมาณประเทศ
และลดการพึ่งพิงการนำเข้ายารักษาโรคจากต่างประเทศ
ทั้งนี้ ปตท.
จะใช้ศักยภาพและความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม
ตลอดจนความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการโครงการ
เพื่อสนับสนุนการก่อสร้างโรงงานให้สามารถแล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด
รวมถึงการร่วมมือกับองค์การเภสัชกรรมในการนำองค์ความรู้
ประสบการณ์ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการตลาดที่ทั้งสององค์กรมีมาใช้เพื่อให้โรงงานผลิตยารักษาโรคมะเร็งของไทยแห่งนี้เกิดการบริหารจัดการที่ดี
มีประสิทธิภาพ และช่วยลดต้นทุนการผลิต
ทำให้คนไทยได้ใช้ยาที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ในราคาที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้
ถือเป็นตัวอย่างความร่วมมือของรัฐวิสาหกิจไทย
ที่ร่วมกันเดินหน้าเพื่อพัฒนาประเทศไทย ตามแนวทาง "Restart Thailand"
โรงงานผลิตยารักษามะเร็งนี้
จะตั้งอยู่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมวนารมย์ของ ปตท. หรือ PTT WEcoZi อำเภอบ้านฉาง
จังหวัดระยอง
ซึ่งขั้นตอนต่อไปในการศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างโรงงานผลิตยารักษาโรคมะเร็งขั้นละเอียด
(Detailed Feasibility Study) คาดว่าใช้เวลาประมาณ 14 เดือนแล้วเสร็จ
หลังจากนั้นจะทำการสรุปผลการศึกษาและประเมินแนวทางการขับเคลื่อนโครงการนี้ต่อไป
โดยมีแผนที่จะดำเนินการก่อสร้างโรงงานดังกล่าวในปี 2565
เพื่อให้สามารถทำการวิจัยพัฒนาและผลิตยารักษาโรคมะเร็งเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์ได้ในปี
2570
โครงการพัฒนายารักษาโรคมะเร็งนี้
ยังตอบสนองนโยบายของประเทศในทุกภาคส่วนทั้งในด้านยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี
เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุวิสัยทัศน์ "ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง
ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง"
ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน
โดยการพัฒนาและเพิ่มสัดส่วนอุตสาหกรรมทางการแพทย์และชีวภาพที่มีมูลค่าสูง
เพื่อลดต้นทุนการรักษาพยาบาลและยกระดับการให้บริการทางการแพทย์อย่างมีคุณภาพในระดับสากล
และปฏิรูปประเทศไทยด้านสาธารณสุข