นายชวลิต ทิพพาวนิช
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด
(มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า วันนี้ (28
กันยายน 2563) ได้มีพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือโครงการวิจัยและพัฒนาระบบพลังงานแสงอาทิตย์
ระหว่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และบริษัท ผลิตไฟฟ้าและพลังงานร่วม จำกัด
หรือ CHPP ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม GPSC ซึ่ง
GPSC ถือหุ้น 100%
เพื่อผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังผลิตรวมประมาณ 6
เมกะวัตต์ เพื่อสร้าง "Low carbon university" สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคให้กับมหาวิทยาลัยฯ ผ่านสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารูปแบบเอกชนกับเอกชน (Private
PPA) อีกทั้งเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้นวัตกรรมด้านพลังงานอัจฉริยะ
(Smart Energy) ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้แก่บุคลากร
นักศึกษา และประชาชนผู้สนใจ
โดยใช้งบประมาณดำเนินการราว 150 ล้านบาท
คาดว่าจะสามารถผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าได้ในปี 2565
เป็นต้นไป
สำหรับโครงการดังกล่าว
จะแบ่งการติดตั้งเป็น 3 ส่วนได้แก่ (1)การติดตั้งแผงโซลาร์เพื่อผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา
(Solar Rooftop) ของอาคารมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
8 อาคารขนาดกำลังผลิตไฟฟ้า รวมประมาณ 1.68
เมกะวัตต์ โดยใช้แผงเซลล์แสงอาทิตย์แบบชนิด Mono PERC Half-Cell Module (2)
การติดตั้ง Solar Rooftop บริเวณหลังคาทางเดิน อาคารบริหาร
ขนาดกำลังติดตั้ง 60 กิโลวัตต์ ด้วยแผงเซลล์แสงอาทิตย์แบบชนิด Bifacial
cells แทนการใช้หลังคาทั่วไป และ (3) การติดตั้งโซลาร์ชนิดลอยน้ำ
(Solar Floating) ในอ่างเก็บน้ำสุระ 1 ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง รวมประมาณ 4.312
เมกะวัตต์ ซึ่งจุดเด่นของระบบนี้อยู่ที่ทุ่นลอยน้ำซึ่งเป็นเทคโนโลยีของ บริษัท
พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ
GC บริษัทในกลุ่ม
ปตท. ที่ใช้วัตถุดิบ (Raw Material) เป็นเม็ดพลาสติกโพลิเอทิลีนเกรดพิเศษที่ผสมของสารกันแสง
UV จาก ที่มีคุณสมบัติคงทนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
และสามารถนำกลับไปรีไซเคิลได้หลังจากสิ้นสุดอายุการใช้งาน
ในด้านความร่วมมือการวิจัยและพัฒนา ได้มีแนวคิดการนำ data engineering จากระบบมาต่อยอด
เพื่อจัดการรูปแบบพลังงานไฟฟ้าให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด
พร้อมกันนี้
ยังมีการติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง (Battery Energy
Storage System: BESS) ชนิด Lithium
ion Battery ขนาด
100 กิโลวัตต์/200
กิโลวัตต์-ชั่วโมง ให้กับอาคารหอพักสุรนิเวศ
พร้อมด้วยการวางระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะโดยใช้เทคโนโลยี่ Block
Chain ในการบริหารจัดการระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
รวมถึงการติดตั้งระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อสามารถควบคุมและติดตามผลการทำงานแบบ
Real Time และยังสามารถนำข้อมูลต่างๆ มาใช้ในการตัดสินใจ
อาทิ
ข้อมูลสภาพอากาศและความเข้มของแสงอาทิตย์มาวิเคราะห์ปริมาณความสามารถในการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ล่วงหน้า
เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้ไปบริหารจัดการในการเพิ่มความแม่นยำของประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า
"ความร่วมมือครั้งนี้
นับเป็นความร่วมมือที่สำคัญที่จะทำให้การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมพลังงานทดแทนของไทยให้ก้าวหน้ามากขึ้น
โดยเป็นการดึงนวัตกรรมต่างๆ ที่ทันสมัยมาบริหารทั้งระบบ AI, BESS ระบบซื้อขายไฟฟ้าอัจฉริยะ
(Smart Energy Platform (SEP)) เพื่อซื้อขายไฟฟ้าจากโซลาร์ฯ
ระหว่างอาคาร โดยการพัฒนาครั้งนี้
จะเป็นการสนับสนุนการวิจัยด้านพลังงานทดแทนของนักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัยฯ
และเป็นศูนย์การเรียนรู้ให้กับผู้ที่สนใจอื่นๆ นอกจากนี้
ยังเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีการวิจัยเพื่อเพิ่มมูลค่าทางการค้าในอนาคตได้อีกด้วย"
นายชวลิตกล่าว
รศ.ดร.วีรพงษ์ แพสุวรรณ
อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีกล่าวว่า ความร่วมมือโครงการดังกล่าว
มีเป้าหมายเพื่อการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้า จากปัจจุบันที่มีค่าไฟฟ้ากว่า 100
ล้านบาทต่อปี ด้วยวิธีการที่เราสามารถใช้ทรัพยากรของมหาวิทยาลัยฯ
ที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดจากการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ลอยน้ำ 4.3
MW บนอ่างเก็บน้ำสุระ
และแผงโซลาร์เซลล์ 1.7 MW บนหลังคา ดังนั้น
การพัฒนาโครงการนำระบบพลังงานทดแทนที่ผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อมาทดแทนการใช้ไฟฟ้าจากฟอสซิล
จะทำให้มหาวิทยาลัยฯ สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าจากระบบพลังงานทดแทนได้กว่า 8.5
ล้านกิโลวัตต์ต่อปี หรือคิดเป็นเงินที่ประหยัดได้ 510
ล้านบาท ตลอดอายุโครงการ 25 ปี
และสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ถึง 115,000
ตัน นอกจากนี้ ในส่วนของ Solar Floating จะช่วยลดการระเหยน้ำในสระน้ำมากกว่า 30,000
ลบ.ม./ปี อีกด้วย
ในอนาคตโครงการฯ
ยังมีแผนจัดตั้งให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ทั้งภาครัฐและเอกชน
หน่วยงานด้านการศึกษาและชุมชนต่างๆ เพื่อเข้ามาเยี่ยมชมและศึกษาดูงานสร้างความรู้ความเข้าใจในด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะระบบไมโครกริด
และการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนที่สามารถผลิตใช้ได้เอง
และช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ