ทีมวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน
บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับเพิ่มต่อ หลังนายโจ
ไบเดน เตรียมออกนโยบายควบคุมการผลิตและใช้น้ำมันในอุตสาหกรรมน้ำมันสหรัฐฯ ต่างๆ
เช่น การกลับเข้าสู่กลุ่มประเทศข้อตกลงปารีส
การยกเลิกการอนุญาตโครงการท่อส่งน้ำมัน Keystone XL ในรัฐเนบราสก้า และการระงับแผนการขุดเจาะน้ำมันในมหาสมุทรอาร์กติก
เศรษฐกิจของประเทศสหรัฐฯ
มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่
โดยเฉพาะมาตรการเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 มูลค่ากว่า 1.9
ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยนายโจ ไบเดน สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ในวันที่ 20 ม.ค. 64 ตามเวลาท้องถิ่นที่ผ่านมา
ขณะที่สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ
(API) เผยเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ
ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 2.6 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 487.1 ล้านบาร์เรล
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลง 1.2
ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ
หลังน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรลสู่ระดับ 246.6
ล้านบาร์เรล ท่ามกลางอุปสงค์ที่ยังคงได้รับแรงกดดันจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19
ที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ราคานั้นดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ
หลังอุปสงค์น้ำมันดีเซลที่ยังถูกกดดันจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างไรก็ตาม
ราคาได้ยังรับแรงหนุนจากแรงซื้อที่เพิ่มขึ้น
โดยราคาน้ำมันเมื่อวันที่ 20 ม.ค.2564 ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส
อยู่ที่ 53.24 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล น้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 56.08 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
และน้ำมันดิบดูไบ อยู่ที่ 56.39 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล