นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
ตามที่มีกระแสข่าว กรณีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)
ได้ทำหนังสือขอชะลอการจ่ายค่าไฟฟ้ามายังผู้ประกอบการที่ผลิตไฟฟ้าใน สปป.ลาว
ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการของไทยที่ไปลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าใน สปป. ลาว นั้น
จากกรณีดังกล่าว บริษัทฯ
ยังไม่เห็นผลกระทบที่เป็นสาระสำคัญ
แม้ที่ผ่านมาอาจมีการการชำระเงินล่าช้าบ้างแต่ยังคงได้รับการชำระอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับบริษัทฯ
ได้ลงนามกับการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) ในการส่งไฟฟ้าที่ผลิตจากโรงไฟฟ้า ใน
สปป.ลาว ไปขายยังสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยจะเริ่มต้นขายไฟฟ้าได้ในปีหน้า (ปี
2565) ระยะเวลาตามสัญญา 25 ปี
โดยการไฟฟ้าเวียดนามจะมีการรับประกันการรับซื้อไฟในรูปแบบ Take-or-Pay และมีการรับชำระค่าไฟฟ้าในสกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ
ซึ่งเป็นการเพิ่มเสถียรภาพด้านรายได้ และเพิ่มผลตอบแทนในการลงทุนให้กับบริษัทฯ
ทั้งนี้ บริษัทฯ
ได้ดำเนินการก่อสร้างสายส่งขนาด 220 กิโลโวลต์ ระยะทางรวม 150
กิโลเมตร เพื่อส่งไฟฟ้าที่ผลิตจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Nam San 3A และ
Nam San 3B ไปยังเวียดนาม โดยโครงการยังมีศักยภาพในการรองรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำโครงการอื่นในพื้นที่ใกล้เคียงมากกว่า
500 เมกะวัตต์
ซึ่งการก่อสร้างมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะแล้วเสร็จตามกำหนด
สามารถขายไฟฟ้าให้กับเวียดนามได้ตามแผนงานที่วางไว้อย่างแน่นอน
สำหรับการขายไฟฟ้าไปยังประเทศเวียดนามของโครงการดังกล่าว
นอกจากจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถจำหน่ายไฟฟ้าไปยังประเทศที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง
และมีสภาวะเศรษฐกิจที่มั่นคงและเติบโตอย่างรวดเร็วแล้ว
ยังเป็นการช่วยจัดการปริมาณไฟฟ้าส่วนเกินภายในประเทศได้อีกทางหนึ่ง
อีกทั้งยังช่วยเสริมสภาพคล่องให้ สปป.ลาว อีกด้วย
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะร่วมมือกับรัฐบาล
สปป. ลาวในการหารือกับ EVN ถึงแนวทางการเร่งรัดให้มีการซื้อขายไฟฟ้าให้เร็วขึ้นกว่าแผนงานที่กำหนดไว้ต่อไป