นายคงกระพัน อินทรแจ้ง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ประกาศทิศทางการดำเนินงานของบริษัทฯ
ในปี 2564 ด้วยนโยบาย "แข็งแกร่งจากภายใน
สร้างโอกาสใหม่ยุค New Normal" พร้อมเร่งเดินหน้าและยกระดับกลยุทธ์ 3
Steps ตอกย้ำการเป็นผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากล
เพื่อสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตโดยยึดหลักความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ
Step Change กลยุทธ์การยกระดับความสามารถในการแข่งขัน: สานต่อสร้างเสริม GC ให้เข้มแข็งทั้งด้านความปลอดภัยและเสถียรภาพการผลิต
พร้อมยกระดับความสามารถในการแข่งขันโดยปรับปรุงหน่วยผลิตและโครงสร้างพื้นฐานให้มีความยืดหยุ่นในการใช้วัตถุดิบ
สามารถต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มจากการบริหารจัดการแบบองค์รวมจากโครงการ Map
Ta Phut Integration และขยายตลาดสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในระดับภูมิภาค
รวมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าสูง (High Value Products: HVP) และมีหลากหลายรูปแบบ
เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและตลาดโลกให้มากขึ้น
Step Out กลยุทธ์การแสวงหาโอกาสเพื่อสร้างการเติบโตในธุรกิจใหม่หรือในต่างประเทศ
: แสวงหาโอกาสการเติบโตแบบก้าวกระโดดด้วยการลงทุนในธุรกิจใหม่ใน กลุ่ม High
Value Business: HVB ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการเติบโต
และสามารถทำกำไรในระดับสูง โดยการเข้าซื้อหรือควบรวมกิจการ (M&A) รวมทั้งหาโอกาสทางธุรกิจใหม่โดยใช้
Corporate Venture Capital: CVC เพื่อขยายไปสู่ธุรกิจที่มีความโดดเด่นด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม
พร้อมก้าวไกลไประดับสากล และสานต่อการขยายฐานธุรกิจแห่งที่ 2 (Second Home
Based)
Step Up กลยุทธ์สร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ
ด้วยการเป็นต้นแบบองค์กรเพื่อความยั่งยืนในระดับสากล
มุ่งเน้นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable
Development Goals :SDGs) สร้างสมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อม สังคม
และธรรมาภิบาล (Environment, Social, Governance: ESG) โดยใช้หลัก GC Circular Living เป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การบริหารจัดการน้ำอย่างครบวงจร
และการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างบูรณาการ
พร้อมทั้งปรับกระบวนการดำเนินงานด้าน CSR สู่การสร้างวิสาหกิจชุมชน Social
Enterprise (SE) ร่วมกับชุมชน
โดย GC มีความมุ่งมั่นในการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม
สังคมและธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance :ESG) ด้วยมาตรฐานระดับสากล
สู่การเป็นต้นแบบด้านการยั่งยืน โดยมุ่งเน้นเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable
Development Goals :SDGs) ใน 3 หัวข้อหลัก คือ Climate
Actions การบริหารจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ:
สนับสนุนเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อตันการผลิต (ขอบเขต 1
และ 2) ลง 52% ภายในปี 2593
เมื่อเทียบกับปีฐาน (ปี 2555) และลดลง 20%
จากการดำเนินธุรกิจปกติภายในปี 2573
และมีแนวทางที่จะยกระดับการดำเนินงานสู่ความร่วมมือกับพันธมิตรในห่วงโซ่คุณค่า (Valued
Chain Partners) แนวร่วมที่จะช่วยกันดำเนินงานด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
(Climate Actions) ให้มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลมากขึ้น
2.) Waste Management Platform : ริเริ่ม
"You เทิร์น Platform" การบริหารจัดการขยะแบบครบวงจรการนำขยะพลาสติกเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกต้อง
เพื่อแก้ปัญหาขยะพลาสติกอย่างยั่งยืน
เริ่มตั้งแต่การคัดแยกรวบรวมขยะพลาสติกจากจุดรับขยะ (Drop point) และขนส่งไปยังโรงงานรีไซเคิล
และสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการอัพไซเคิล
โดยมีเป้าหมายการยกระดับการทำงานร่วมกับพันธมิตร (Partners) สู่การสร้างการเชื่อมโยงกับทุกภาคส่วน
(Ecosystem) ที่แข็งแรง สามารถต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ได้
อีกทั้ง GC กำลังจะเปิดโรงงานพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง (Food
grade) ครบวงจรเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ในปลายปี 2564
นี้
3.) New Circular Model Sustainability + Health Care ได้แก่ Sustainability
+ Protection เมื่อความยั่งยืนสามารถทำได้พร้อมกับการป้องกันสุขภาพอนามัย
จึงเกิดเป็นผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับป้องกันไวรัสโควิด-19
ภายใต้แบรนด์ Greater Care by GC ผ่านการคิดค้น
พัฒนานวัตกรรมจากพลาสติกและเคมีภัณฑ์ของ GC เช่น ชุด Coverall ชุดเสื้อคลุมแขนยาวกันน้ำชนิดใช้ซ้ำได้
(Reusable Isolation Gown) ที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกรีไซเคิล (rPET)
100 % อุปกรณ์ป้องกันทางการแพทย์ (PAPR) ถุงพลาสติกคลุมรองเท้า
(Shoe Cover) และเจลแอลกอฮอล์ ภายใต้ แบรนด์ GelCoโดยมีเป้าหมายเพื่อความปลอดภัยของทุกคน
Sustainability + Hazardous Waste
Management เมื่อความยั่งยืนสามารถทำได้ควบคู่กับความปลอดภัยและมีสุขภาวะอนามัยที่ดี
จึงเกิดเป็นโครงการฮาวทูแยก แยกอย่างไรไม่ให้ติดเชื้อ โดย GC ได้ส่งมอบถังแดงแบบลดการสัมผัสโดยใช้เท้าเหยียบ
และถุงแดงที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกของ GC สำหรับใส่ขยะและแยกขยะติดเชื้อให้กับสำนักนายกรัฐมนตรี
สถาบันการศึกษาและห้างสรรพสินค้า
เพื่อลดโอกาสการปนเปื้อนขยะติดเชื้อในขยะพลาสติกทั่วไป
Sustainability + Food Safety เมื่อความปลอดภัยในการสั่งอาหารสามารถทำได้โดยไม่ต้องสร้างภาระในเรื่องขยะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง
จึงเกิดเป็นโครงการที่ GC ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และการส่งอาหารแบบฟู้ดเดลิเวอรี่ (Food Delivery) จัดทำโครงการส่งเสริมการใช้พลาสติกที่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ
(Bioplastics) ทดแทนพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง
เป็นหนึ่งในทางเลือก-ของผู้บริโภคซึ่งจะช่วยลดปัญหาขยะพลาสติกที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงสถานการการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นายคงกระพัน กล่าวว่า การที่ GC
จะบรรลุเป้าหมายขององค์กรได้นั้น GC ได้เตรียมความพร้อมในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในอนาคต
จึงได้เริ่มให้ดำเนินการโครงการ FiT โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพพร้อมความคล่องตัวสูง
ช่วยลดความเสี่ยง และค่าใช้จ่าย และนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาปรับใช้
พร้อมรับกับอนาคตให้แข็งแกร่ง เติบโตอย่างรอบด้านและยั่งยืน
ในปี 2563
ธุรกิจปิโตรเคมีและธุรกิจปิโตรเลียมได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019
แต่ด้วยโครงสร้างธุรกิจที่มีสายผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจร และการที่ GC ดำเนินมาตรการรองรับ
อาทิเช่น การประหยัดค่าใช้จ่าย การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานทั่วทั้งองค์กร
ส่งผลให้ บริษัทฯ มี Adjusted
EBITDA ในปี 2563
อยู่ที่ 28,579 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2562
นอกจากนี้ ด้วยภาวะตลาดปิโตรเคมีในบางสายผลิตภัณฑ์ในช่วงครึ่งหลังของปี บริษัทฯ
สามารถพลิกกลับมามีกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 4/2563
ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า และไตรมาส 4/2562
โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทฯ มี Adjusted EBITDA ในไตรมาสที่ 4/2563อยู่ที่
9,514 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 52
จากไตรมาส 3/2563 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 132
จากไตรมาส 4/2562 ซึ่งเมื่อรวมถึงผลกระทบทางบัญชีจากสต๊อกน้ำมันและสินค้าคงเหลือ
(Stock Gain & Net Reversal of NRV) บริษัทฯ จึงรายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 4/2563
ที่ 6,405 ล้านบาท คิดเป็น > 200% เมื่อเทียบกับปี
2562 พลิกปี
2563 ให้มีกำไรสุทธิ ที่ 200 ล้านบาท