นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร
ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมกับ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในการร่วมลงทุนโครงการก่อสร้างคลังจัดเก็บและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติเหลว
(LNG Receiving Terminal) (แห่งที่ 2) ตำบลหนองแฟบ จังหวัดระยอง
เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่และเสริมความมั่นคงพลังงานไฟฟ้าในประเทศ
โดยที่ปรึกษา กฟผ.
จะเร่งดำเนินการประเมินมูลค่าโครงการดังกล่าวเพื่อกำหนดเงินการลงทุนในส่วนของ กฟผ.
ให้มีความที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี 2564
ก่อนเสนอขออนุมัติจาก ครม. ต่อไป
โดยคาดว่าจะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนได้ภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2565
การลงนามครั้งนี้สืบเนื่องมาจากมติในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ
(กพช.) เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2564
เห็นชอบแนวทางการส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติ ระยะที่ 2
และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานก๊าซธรรมชาติเพื่อรองรับโครงการโรงไฟฟ้าตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า
PDP 2018 (Rev.1)
ระบบท่อส่งก๊าซฯ และ LNG Terminal โดยให้ กฟผ.
ปรับรูปแบบการลงทุนจากโครงการ FSRU ในพื้นที่อ่าวไทยตอนบน (F-1)
เป็นการร่วมลงทุนกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สัดส่วน 50 : 50 ในโครงการ LNG
Receiving Terminal (แห่งที่ 2) ตำบลหนองแฟบ จังหวัดระยอง ขนาด 7.5
ล้านตันต่อปี (MTPA) คาดการณ์เงินลงทุนเบื้องต้น ประมาณ 20,000
ล้านบาท
ทั้งนี้ โครงการ LNG Receiving
Terminal หนองแฟบ เป็นคลังจัดเก็บและแปรสภาพก๊าซ LNG
แห่งที่ 2 ของประเทศไทย ซึ่งสร้างขึ้นต่อจาก LNG Receiving
Terminal มาบตาพุด จ.ระยอง ของ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี
จำกัด (PTTLNG) โดยมีมูลค่าการลงทุน 38,500 ล้านบาท
เริ่มก่อตั้งในปี 2562 และมีกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2565 เพื่อรองรับการนำเข้า LNG
7.5 ล้านตันต่อปี โดย กฟผ. จะเข้าร่วมลงทุนในสัดส่วน 50 : 50 และจัดตั้งบริษัทร่วมทุนร่วมกัน ทำให้ขยายขีดความสามารถในการนำเข้า
LNG ของประเทศไทย จากเดิม
11.5 ล้านตันต่อปี เพิ่มเป็น 19 ล้านตันต่อปี
นับเป็นการสร้างความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้าของประเทศในอนาคต
พร้อมทั้งเป็นศูนย์กลางการซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลวในภูมิภาคอาเซียน (Regional
LNG Hub) ตามนโยบายของรัฐบาล