นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ
ปตท.สผ. เปิดเผยถึงความสำเร็จจากการเสนอขายหุ้นกู้ดิจิทัลให้กับประชาชนทั่วไปว่า
ปตท.สผ. ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดียิ่ง
โดยเมื่อเปิดให้เริ่มจองซื้อหุ้นกู้เมื่อวันที่ 2
พฤศจิกายน 2564 นั้น มียอดจองซื้อครบ 5,000
ล้านบาท ส่งผลให้ ปตท.สผ. เพิ่มหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติม (Exercise
Greenshoe) อีก 1,000
ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าการเสนอขายทั้งสิ้น 6,000
ล้านบาท
โดยการขายหุ้นกู้ดิจิทัลครั้งนี้เป็นความร่วมมือกับธนาคารกรุงไทยผ่านแอปพลิเคชัน
"เป๋าตัง" โดยนับเป็นการซื้อขายหุ้นกู้ด้วยระบบดิจิทัลวอลเล็ต "ครั้งแรกในเอเชีย"
"ผมขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่เชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจของ
ปตท.สผ. ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของคนไทยที่มีความมั่นคงและพร้อมที่จะเติบโตในอนาคต
โดยการระดมทุนครั้งนี้
บริษัทจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต
โดยล่าสุดผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาในปี 2564
ของ ปตท.สผ. มีการเติบโต โดยที่ปริมาณการขายปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น 20%
จากปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากโครงการในต่างประเทศ จากการเข้าร่วมทุนในแปลง 61
ประเทศโอมาน และการเริ่มผลิตก๊าซธรรมชาติในโครงการมาเลเซีย – แปลงเอช
ส่งผลให้บริษัทมีผลประกอบการที่ดีขึ้น
นับเป็นความสำเร็จจากการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ของบริษัท นอกจากนี้
การเข้าร่วมลงทุนในแหล่งปิโตรเลียมที่มีศักยภาพ และการค้นพบแหล่งน้ำมันและก๊าซฯ
อย่างต่อเนื่องในมาเลเซีย เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะสร้างการเติบโตในระยะยาวให้กับ
ปตท.สผ." นายมนตรี กล่าว
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่
ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า
ความสำเร็จของการเสนอขายหุ้นกู้ดิจิทัลปตท.สผ.สะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อธุรกิจของปตท.สผ.และประสิทธิภาพของระบบ
"เป๋าตัง" ที่ได้รับการพัฒนาโดย
อินฟินิธัส บาย กรุงไทย (Infinitas by Krungthai) ให้เป็น
"Thailand Open Digital
Platform" ทำให้ทุกกิจกรรมการใช้ชีวิต
ทั้งการใช้จ่ายโครงการภาครัฐผ่าน G-wallet สุขภาพ การศึกษา รวมถึงการออมและการลงทุน
เป็นเรื่องง่าย สะดวก ปลอดภัย
ทำรายการได้ทุกที่ ทุกเวลา การเสนอขายหุ้นกู้ดิจิทัลปตท.สผ. มีจำนวนผู้ลงทุนทั้งหมด 8,363
คน และจำหน่ายหมดในเวลา 8
นาที 12 วินาที โดยวงเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000
บาท ทำให้ผู้ลงทุนกระจายตัวในทุกจังหวัดทั่วประเทศ แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 40.9%
และต่างจังหวัด 59.1% โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีผู้ลงทุนสูงถึง 11.61%
และกระจายตัวทุกช่วงอายุระหว่าง 20-89 ปี โดยเฉพาะกลุ่ม First Jobber
20-29 ปี 7.8%
และกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไปสูงถึง 25%
สะท้อนถึงการเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงสินทรัพย์ลงทุนที่ตอบโจทย์เรื่องการออมอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม สำหรับผู้ลงทุนที่จองซื้อสำเร็จ
สามารถตรวจสอบรายการจองซื้อหุ้นกู้ดิจิทัลของท่านได้ในวอลเล็ตซื้อขายหุ้นกู้
ผ่านเมนู "รายการย้อนหลัง" โดยหุ้นกู้ดิจิทัล ปตท.สผ.
จะแสดงในวอลเล็ตของท่านในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2564
ซึ่งนับเป็นวันออกหุ้นกู้วันแรก
สำหรับผู้ลงทุนที่พลาดโอกาสการจองซื้อหุ้นกู้ปตท.สผ.ในตลาดแรก
สามารถซื้อขายหุ้นกู้ดิจิทัลปตท.สผ.ในตลาดรองได้บนแอปฯ เป๋าตัง ได้ 24
ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2564
"การเสนอขายหุ้นกู้ดิจิทัลปตท.สผ.ครั้งนี้
เป็นการต่อยอดจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของธนาคาร
ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ( SDGs) ทั้งในด้านการนำนวัตกรรมมาเพิ่มประสิทธิภาพ
พัฒนายกระดับตลาดทุนไทย
นำเสนอบริการที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นผลิตภัณฑ์แบบ Scripless ไม่ต้องใช้เอกสาร
ลดการเดินทางไปสาขา
ทำรายการบนแอปฯเป๋าตังได้ทันที ซึ่งเป็นช่องทางที่ประชาชนส่วนใหญ่คุ้นเคยมีผู้ใช้งานกว่า
33 ล้านคน
ช่วยให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงการลงทุนได้ทั่วถึง ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ
มีระบบที่โปร่งใส ปลอดภัย
สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน โดยธนาคารพร้อมจับมือกับพันธมิตรทุกกลุ่ม
เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเพื่อให้ชีวิตดีขึ้นอย่างทั่วถึงและยั่งยืน"
ทั้งนี้ หุ้นกู้ดิจิทัล ปตท.สผ. เป็นหุ้นกู้ระยะยาวชนิดระบุชื่อผู้ถือ
ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 5 ปี
ซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนในปี พ.ศ.2569
อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดเริ่มต้นที่ 2.00%
ต่อปี และสูงสุดที่ 2.75% ต่อปี คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 2.25%
ต่อปี กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 6
เดือน เริ่มนับจากวันออกหุ้นกู้วันแรก คือ วันที่ 5 พฤศจิกายน
2564 โดยเปิดให้ลงทุนขั้นต่ำเพียง
1,000 บาท
นักลงทุนสามารถลงทุนเพิ่มด้วยอัตราทวีคูณครั้งละ 1,000 บาท
วงเงินลงทุนสูงสุดท่านละไม่เกิน 10 ล้านบาท
โดยได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ "AAA" จากทริสเรทติ้ง
เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2564 ซึ่งถือเป็นอันดับสูงสุดของตราสารหนี้ในประเทศ
สะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางธุรกิจและความมั่นคงทางการเงินของบริษัท