นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ
ปตท.สผ. เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเข้าพื้นที่แปลง G1/61
หรือแหล่งเอราวัณว่า ขณะนี้เริ่มมีความชัดเจนในการลงนามสัญญาต่าง ๆ
ที่มีความเกี่ยวข้องกับการเข้าพื้นที่ในแหล่งเอราวัณ
โดยจะมีการลงนามในสัญญาและข้อตกลงต่าง ๆ ได้แก่ 1.
ข้อตกลงเพื่อเข้าพื้นที่ดำเนินการเปลี่ยนผ่านการดำเนินงานของสิ่งติดตั้งที่รัฐจะรับมอบ
(Operations Transfer Agreement) 2.
ข้อตกลงเข้าพื้นที่ระยะที่ 2 (Site Access Agreement 2)
และ 3.
สัญญาเพื่อให้ผู้รับสัมปทานเข้าพื้นที่ดำเนินการรื้อถอนในช่วงสัญญาแบ่งปันผลผลิต (Asset
Retirement Access Agreement) ซึ่ง
ปตท.สผ. คาดว่าจะมีการลงนามดังกล่าวได้ภายในเดือนธันวาคมนี้
และสามารถเข้าพื้นที่เแหล่งเอราวัณเพื่อเตรียมความพร้อมต่าง ๆ ได้ในเดือนมกราคม
2565
ก่อนหน้านี้ ปตท.สผ.
ไม่ได้รับความยินยอมจากผู้รับสัมปทานปัจจุบันให้เข้าพื้นที่ เพื่อดำเนินการ
ติดตั้งแท่น เจาะหลุมผลิต เชื่อมต่อท่อเข้ากับระบบการผลิตกลางในแหล่งเอราวัณ
สำหรับเตรียมการผลิตก๊าซฯ เป็นการล่วงหน้าได้ โดยล่าช้ามาเป็นเวลากว่า 2 ปี
และส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการผลิตก๊าซฯ
จากแหล่งเอราวัณตามเงื่อนไขในสัญญาแบ่งปันผลผลิต ซึ่ง ปตท.สผ.
ได้พยายามปรับแผนงานทุกขั้นตอนมาโดยตลอด
เพื่อให้สามารถดำเนินงานได้อย่างเร็วที่สุดหากเข้าพื้นที่ได้ ได้แก่
การก่อสร้างแท่นหลุมผลิต (Wellhead Platform) จำนวน
8 แท่น การจัดเตรียมท่อส่งก๊าซและเรือติดตั้ง รวมถึง
การขุดลอกร่องน้ำที่ตื้นเขินเพื่อให้การเคลื่อนย้ายแท่นหลุมผลิตจากฝั่งไปที่แหล่งเอราวัณได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม
ถึงแม้จะสามารถเข้าพื้นที่แหล่งเอราวัณได้ในเดือนมกราคม 2565
บริษัทจะต้องใช้เวลาอีกประมาณ 24 เดือน ในการเคลื่อนย้ายและติดตั้งแท่นหลุมผลิต 8
แท่น การเชื่อมต่ออุปกรณ์การผลิตและระบบต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เจาะหลุมผลิตกว่า 100
หลุม จึงจะสามารถผลิตก๊าซฯ ได้ครบจากทั้ง 8 แท่น
เพื่อทำให้กำลังการผลิตในแหล่งเอราวัณขึ้นถึงระดับ 800
ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันตามเงื่อนไขในสัญญาแบ่งปันผลผลิต
ทั้งนี้
หลังจากสัมปทานแหล่งเอราวัณหมดอายุลง และเข้าสู่สัญญาแบ่งปันผลผลิตโดยที่ ปตท.สผ.
เป็นผู้ดำเนินการ (Operator) นั้น ในระยะแรกของการผลิตก๊าซฯ
จำเป็นต้องผลิตตามศักยภาพที่ผู้รับสัมปทานคงเหลือไว้
เพื่อความปลอดภัยกับการผลิตก๊าซฯ และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับอุปกรณ์การผลิตเนื่องจากผู้รับสัมปทานหยุดการพัฒนาแหล่งก๊าซฯ
มาเป็นเวลานาน ส่งผลให้ระดับการผลิตลดลงมาอย่างต่อเนื่อง
"ปตท.สผ.
ให้ความสำคัญกับการรักษาความต่อเนื่องในการผลิตก๊าซธรรมชาติเพื่อรองรับการใช้พลังงานของคนไทยและประเทศ
แม้ที่ผ่านมาจะไม่ได้รับความร่วมมือในการเข้าพื้นที่ แต่เราไม่เคยนิ่งนอนใจ
เราเตรียมความพร้อมในทุก ๆ ด้านที่สามารถทำได้มาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา
ใช้เม็ดเงินไปแล้วถึง 10,000 ล้านบาท
ในการเตรียมงานส่วนที่จะต้องเข้าพื้นที่ล่วงหน้า หากวันนี้มีความชัดเจนมากขึ้น
ปตท.สผ. ก็จะเร่งดำเนินการต่อไป แม้จะไม่สามารถทำให้การผลิตก๊าซฯ
เป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญาก็ตาม
แต่เราจะพยายามอย่างเต็มความสามารถเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานกับประเทศให้ได้มากที่สุด" นายมนตรีกล่าว
สำหรับระยะเวลา 5 เดือนจากนี้ ก่อนที่
ปตท.สผ. จะเข้าเป็นผู้ดำเนินการแหล่งเอราวัณในวันที่ 24 เมษายน 2565
บริษัทจะให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนผ่านการเป็นผู้ดำเนินการ (Operations
Transfer) ซึ่งครอบคลุมขั้นตอนต่าง ๆ เช่น
การทดสอบสิ่งติดตั้งเดิมในแหล่งเอราวัณที่รัฐจะต้องรับมอบจากผู้รับสัมปทานปัจจุบัน
และส่งให้กับ ปตท.สผ. เพื่อให้สามารถผลิตก๊าซฯ ด้วยความราบรื่นและปลอดภัย รวมทั้ง
การถ่ายโอนข้อมูลที่มีผลต่อการผลิต ระบบความคุมการผลิต
การทำงานของอุปกรณ์การผลิตและการบำรุงรักษา ระบบปฏิบัติการและการขนส่งนอกชายฝั่ง
ระบบความปลอดภัย เป็นต้น
ส่วนแผนการรองรับความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในช่วงที่แหล่งเอราวัณภายใต้สัญญาแบ่งปันผลผลิตอยู่ระหว่างการเพิ่มกำลังการผลิตแบบขั้นบันไดภายในระยะเวลา
24 เดือน เพื่อให้ได้ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันนั้น ปตท.สผ. ได้เตรียมผลิตก๊าซฯ
จากโครงการบงกช และโครงการอาทิตย์ เพิ่มเติมอีกประมาณ 200 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
เพื่อลดผลกระทบจากเหตุการณ์ที่กล่าวมา และเพื่อตอบสนองการใช้พลังงานของประเทศ
ทั้งนี้ ปตท.สผ. ยังคงหารือกับภาครัฐเกี่ยวกับเงื่อนไขการผลิตก๊าซฯ
ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามสัญญาแบ่งปันผลผลิตจากสาเหตุที่ได้กล่าวข้างต้น