นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKPower (ชื่อย่อหลักทรัพย์: CKP) หนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค
เปิดเผยว่า ในปี 2564 CKPower สามารถทำรายได้รวมและสร้างกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์
โดยมีรายได้รวม 9,334.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 จำนวน 2,157.2 ล้านบาท
หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.1 และ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,179.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี
2563 จำนวน 1,774.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 438.4
ทั้งนี้
ปัจจัยหลักที่ทำให้รายได้ในปี 2564
เพิ่มขึ้นมาจากรายได้จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 และ
โรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 98.9 และ ร้อยละ 5.4 ตามลำดับ
นอกจากนี้ ยังมีรายได้ค่าบริหารโครงการที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 74.1 สาเหตุหลักมาจากการเริ่มรับรู้รายได้ค่าบริหารโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแห่งใหม่
ใน สปป.ลาว ตั้งแต่ในไตรมาสที่ 4/2563
ส่วนกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นในปี
2564 มีสาเหตุหลักมาจากการเติบโตของรายได้จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม
2 และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่ส่วนใหญ่มาจากกำไรสุทธิของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ
ไซยะบุรี ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีปริมาณน้ำไหลผ่านเฉลี่ยในปี 2564 เพิ่มขึ้นจากปี
2563 ถึง 20.0% นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายทางการเงินของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ในปี
2564 ก็ลดลงจากการทยอยชำระคืนเงินต้นและอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปี
2563 และนอกจากนี้ CKPower ยังเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในโรงไฟฟ้าพลังน้ำ
ไซยะบุรี จาก 37.5% เป็น 42.5% ทำให้การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นอีกด้วย
นายธนวัฒน์
กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของ CKPower ในปี 2564
ถือเป็นสถิติใหม่ทั้งในด้านรายได้รวมและกำไรสุทธิ โดยปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่เติบโตขึ้นของโรงไฟฟ้าทุกแห่ง
และการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี
เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผลการดำเนินงานในปี 2564
เติบโตขึ้นได้ดีกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้
พิสูจน์ให้เห็นว่าแนวทางการบริหารงานของบริษัทสามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากการสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนแล้ว
CKPower ยังมุ่งมั่นที่จะเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค
และมีระดับคาร์บอน ฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) ต่ำที่สุดรายหนึ่ง
เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยที่ต้องการมุ่งสู่สังคมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
(Net Zero Greenhouse Gas Emissions) ภายในปี พ.ศ. 2608
"ในปี 2565 CKPower วางแผนลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน
(Renewable Energy) ทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยตั้งงบลงทุนสำหรับปี 2565 จำนวน 2,600 ล้านบาท
เพื่อเพิ่มทุนตามสัดส่วนในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแห่งใหม่ใน สปป.ลาว
และลงทุนเพิ่มเติมในโครงการอื่น ๆ ซึ่งกำลังการผลิตติดตั้งใหม่ทั้งหมดที่บริษัทลงทุนจะมาจากพลังงานหมุนเวียน
ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ และพลังงานลม
เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายกำลังการผลิตติดตั้งของบริษัทที่ 4,800 เมกะวัตต์ ภายในปี
2567 และเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตจากพลังงานหมุนเวียนให้ไม่ต่ำกว่า 95%
ของกำลังการผลิตรวมของบริษัท" นายธนวัฒน์ กล่าว
นอกจากนี้
ในปี 2565 CKPower มีแผนขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืนในมิติสังคมและสิ่งแวดล้อมทั้งในประเทศไทย
และ สปป.ลาว ด้วยหลักการ "ร่วมคิด ร่วมลงมือทำ
ร่วมพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนและสังคม" ผ่านกิจกรรมเพื่อสังคมที่สร้างการมีส่วนร่วมของพนักงานกับชุมชน
โดยมีกิจกรรมในประเทศไทย เช่น การวางแผนพัฒนาพื้นที่วัดนาห้วย อ.ปราณบุรี
จ.ประจวบคีรีขันธ์ ด้วยการปรับปรุงระบบระบายน้ำ วางแผนติดตั้งโซล่าเซลล์บนหลังคา
เพื่อส่งต่อ
แนวทางการพัฒนาด้วยรูปแบบความพอเพียงและยั่งยืน ส่วนกิจกรรมเพื่อสังคมใน
สปป.ลาว ได้แก่ โครงการพัฒนาโรงเรียนอนุบาลหินหัวเสือ แขวงไซสมบูน สปป.ลาว
เพื่อพัฒนาการศึกษาโดยรอบพื้นที่โรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2
ด้วยการสร้างและปรับปรุงอาคารเรียน ระบบไฟฟ้า ห้องน้ำ สนามเด็กเล่น และพื้นที่ต่าง
ๆ ในโรงเรียน พร้อมการสนับสนุนการเข้าถึงน้ำดื่มที่สะอาดด้วยการติดเครื่องกรองน้ำจากพลังแสงอาทิตย์
และโครงการผลิตปุ๋ยจากขยะมูลฝอยที่โรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี
โดยนำขยะประเภทเศษอาหาร มาทำเป็นปุ๋ยหมักสำหรับทดลองใช้เพาะปลูกพืช
และจะนำไปถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่ชุมชนโดยรอบโรงไฟฟ้าต่อไป
บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน)
หรือ "CKP" เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
และอยู่ในดัชนี SET 100
ตลอดจนได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน (THSI) ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
รวมถึงอยู่ในดัชนี SETCLMV ซึ่งเป็นดัชนีที่รวบรวมบริษัทจดทะเบียนของไทย
ที่มีการทำธุรกิจในกลุ่มประเทศ CLMV และได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรที่อันดับ
"A" แนวโน้ม "คงที่"
จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด