ตามที่บริษัท โททาลเอนเนอร์ยี่ส์
ได้ถอนตัวจากการเป็นผู้ดำเนินการและผู้ร่วมทุนในโครงการยาดานา นั้น บริษัท
ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ได้พิจารณาแนวทางบริหารจัดการแหล่งยาดานา
ในอ่าวเมาะตะมะ ประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติที่มีความสำคัญ
ให้สามารถดำเนินการผลิตก๊าซธรรมชาติได้อย่างต่อเนื่อง
โดยไม่ให้เกิดผลกระทบต่อความต้องการใช้พลังงานของประชาชนในประเทศเมียนมาและประเทศไทย
ประเทศต่าง ๆ
ในอาเซียนมีความร่วมมือและช่วยเหลือกันในหลาย ๆ ด้านมาเป็นเวลานาน
สำหรับประเทศไทยแล้ว หนึ่งในความร่วมมือกับประเทศเมียนมา ก็คือ
ด้านการพัฒนาพลังงาน ซึ่งเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานที่สำคัญยิ่งต่อการพัฒนาประเทศ
รวมทั้ง ความเป็นอยู่ของประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ
โดยก๊าซธรรมชาติจากอ่าวเมาะตะมะซึ่งได้มีการสำรวจพบและนำขึ้นมาใช้เป็นแหล่งพลังงานในช่วง
30 ปีที่ผ่านมาจนกระทั่งปัจจุบันนั้น
เรียกได้ว่าเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน
การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และการพัฒนาประเทศ
เนื่องจากเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าทั้งภาคครัวเรือน และภาคอุตสาหกรรม
ทั้งด้านการแพทย์และสาธารณสุข ด้านการศึกษา ด้านคมนาคม ด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม
เป็นต้น
สำหรับก๊าซธรรมชาติที่ผลิตจากโครงการยาดานา
ในอ่าวเมาะตะมะนั้น มีปริมาณ 770 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งประมาณ 220
ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ใช้ในเมียนมาเพื่อการผลิตกระแสไฟฟ้า หรือคิดเป็นประมาณ 50%
ของความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในเมียนมา ในขณะที่ประเทศไทย
ต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากโครงการยาดานาด้วยเช่นกัน โดยส่งเข้าประเทศไทยประมาณ 550
ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน สำหรับเป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่และขนาดเล็ก จำนวน 12
โรง รองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าและพลังงานของประชาชนกว่า 11
ล้านคนในภาคตะวันตกและบางส่วนของภาคกลาง โดยปริมาณดังกล่าวคิดเป็นประมาณ 11%
ของความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติของไทย
ปตท.สผ. ในฐานะบริษัทพลังงานของไทย
ตระหนักถึงความสำคัญและความจำเป็นอย่างยิ่งของการผลิตก๊าซธรรมชาติ
จึงได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติในเมียนมามากว่า 30 ปี
และเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้ง 2
ประเทศ ทั้งนี้
บริษัทได้พิจารณาอย่างรอบคอบในการเข้าเป็นผู้ดำเนินการในโครงการยาดานาต่อจากบริษัท
โททาลเอนเนอร์ยี่ส์ ซึ่งถอนตัวออกจากโครงการ
โดยบริษัทเชื่อว่าการเข้าเป็นผู้ดำเนินการจะสามารถช่วยรักษาความต่อเนื่องในการจัดหาพลังงานให้กับทั้งสองประเทศ
เพื่อตอบสนองความต้องการใช้พลังงาน และสร้างความมั่นคงทางพลังงานในระยะยาว
โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันซึ่งพลังงานรูปแบบอื่นยังมีข้อจำกัดในการเป็นเชื้อเพลิงหลักสำหรับการผลิตไฟฟ้า
รวมไปถึง ความต่อเนื่องในการสำรวจและผลิตก๊าซธรรมชาติ
ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์และกระบวนการดำเนินงาน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยทุกขั้นตอน
การเข้าเป็นผู้ดำเนินการโครงการยาดานาของ
ปตท.สผ. ครั้งนี้ ได้รับการแต่งตั้งจากผู้ร่วมทุนของโครงการแล้ว อย่างไรก็ตาม
การเข้าเป็นผู้ดำเนินการจะมีผลในวันที่ 20 กรกฎาคม 2565
โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากบริษัท
โททาลเอนเนอร์ยี่ส์ ในการเปลี่ยนผ่านการเป็นผู้ดำเนินการในช่วงเวลาดังกล่าว
เพื่อให้การผลิตก๊าซธรรมชาติสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องและปลอดภัย
ทั้งนี้ ตามเงื่อนไขในสัญญาการร่วมทุน
(Production Operating Agreement หรือ POA) สัดส่วนการร่วมทุนของบริษัท
โททาลเอนเนอร์ยี่ส์ จะกระจายให้กับผู้ร่วมทุนรายอื่นในโครงการตามสัดส่วนการลงทุน
โดยไม่คิดมูลค่า ซึ่งจะส่งผลให้ บริษัท ปตท.สผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
ถือสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 37.0842 โดยบริษัท เชฟรอน
ซึ่งมีบริษัทย่อยคือบริษัท ยูโนแคลเมียนมา ออฟชอร์ จะเป็นผู้ถือสัดส่วนการลงทุนมากที่สุด
ร้อยละ 41.1016 ภายหลังจากบริษัท โททาลเอนเนอร์ยี่ส์
ยุติการเป็นผู้ร่วมทุนและเป็นผู้ดำเนินการ
ตลอดระยะเวลาในการดำเนินธุรกิจ ปตท.สผ.
ให้ความสำคัญกับการสร้างเสถียรภาพทางพลังงาน
และยึดมั่นการบริหารงานตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีในทุกประเทศที่บริษัทมีการดำเนินงาน
โดยตระหนักดีว่าการเข้าถึงการใช้พลังงานอย่างเท่าเทียมเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่ประชาชนทุกประเทศพึงได้รับ