นายชัชพล ประสพโชค
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน)
หรือ UAC เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ
วางยุทธ์ศาสตร์ทางธุรกิจ เพื่อการเพิ่มสัดส่วนธุรกิจด้านพลังงานสะอาด
และพลังงานทดแทน ควบคู่ไปกับการการเร่งขยายการตลาดในส่วนของธุรกิจเทรดดิ้ง
ไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ มากขึ้น อาทิ โรงกลั่นน้ำมัน โรงงานปิโตรเคมี
พลังงานและเคมีภัณฑ์ พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์กร
เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัทอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) และการดำเนินธุรกิจแบบเศรษฐกิจหมุนเวียน
(Circular Economy) พร้อมทั้งยังมองหาโอกาสการลงทุนร่วมกับพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่ง
รวมถึง ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่กำลังพัฒนา อาทิ สารปรับปรุงดิน โรงไฟฟ้า
การเข้าเป็นที่ปรึกษากับพันธมิตรในด้านโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ
ทั้งนี้ จากกลยุทธ์ดังกล่าวข้างต้น
ทำให้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 2565
แตะ ระดับ 2,000 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทฯยังตั้งเป้ารักษาระดับอัตรากำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย
ภาษี และค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) มากกว่า 420 ล้านบาท ของรายได้ยอดขายรวม
ล่าสุดบริษัทฯ
ได้เข้าร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงในสัญญารับโอนสิทธิสัญญาสัมปทานปิโตรเลียม
กับกรมเชื้อเพลังธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน เพื่อเข้าลงทุนในแหล่งปิโตรเลียมหมายเลข L10/43
และ L11/43 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยเบื้องต้นบริษัทฯจะมีการเข้าสำรวจปริมาณปิโตรเลียมสำรองในพื้นที่สัมปทานดังกล่าว
เพื่อต้องการทราบปริมาณปิโตรเลียมที่ชัดเจนได้ในไตรมาส 2/2565
"ปัจจุบันแหล่งปิโตรเลียมดังกล่าวสามารถผลิตน้ำมันดิบ
ได้เฉลี่ยวันละไม่ต่ำกว่า 300 บาร์เรล/วัน
และคาดว่าภายหลังการเข้าลงทุนแล้วจะสามารถผลิตน้ำมันได้ถึง 500
บาร์เรลต่อวัน ดังนั้นหลังจากบริษัทฯ เข้ามาดำเนินการผลิตในเชิงพาณิชย์
จะสามารถทยอยรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 3/2565
เป็นต้นไป โดยคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี
อ้างอิงจากราคาน้ำมันดิบและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ณ ปัจจุบัน"
ส่วนความคืบหน้าในการจัดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า
หรือ EV Charging Station นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือร่วมกับ
บมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) และพันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจให้บริการสถานีน้ำมัน
ซึ่งคาดว่า สามารถดำเนินการได้ตามแผนที่วางไว้ในปี2565
จะดำเนินการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า ในรูปแบบชาร์จไฟแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC
EV Quick Charger) ที่มีขนาดสูงสุดถึง 200 KW เฟสแรก
จำนวน 4 สถานี 12
หัวจ่าย
นอกจากนี้โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนภูผาม่าน
ขนาด 3 MW จังหวัดขอนแก่น ได้มีการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า
(PPA) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยใช้หญ้าเนเปียร์เชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าจากแก๊สชีวภาพ คาดว่า
พร้อมดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในไตรมาส 2/2565 และมั่นใจว่าโครงการภูผาม่าน
จะเป็นโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพจากพืชพลังงานแห่งแรกที่สามารถจ่ายไฟเข้าระบบได้