นายวรวัฒน์ พิทยศิริ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์
ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท.
เปิดเผยว่า วันนี้ (17 มีนาคม 2565) บริษัท
โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมลงนาม (MOU) บันทึกข้อตกลงด้านการดำเนินงาน
"โครงการผลักดันวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมสู่การใช้ประโยชน์ในชุมชนอย่างยั่งยืน"กับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
(สวทช.) กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โดยสนับสนุนการขยายผลงานวิจัยของ สวทช.ด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม สุขภาพ
และการแพทย์มาประยุกต์ใช้เพื่อขับเคลื่อน โดยมีโครงการ GPSC Smart Farming (เกษตรอัจฉริยะ)
เป็นโครงการนำร่อง 2 ชุมชน
ในการยกระดับเศรษฐกิจชุมชนและสิ่งแวดล้อมให้เกิดความยั่งยืน
และมีเป้าหมายการดำเนินงานภายในกรอบระยะเวลา 3 ปี
(ต.ค.64 - ต.ค.67)
ในกรอบความร่วมมือครั้งนี้
เป็นก้าวสำคัญในการนำผลงานวิจัยของ สวทช.นวัตกรรมและนาโนเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้ในงานด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม
ในรูปแบบที่เป็นแพลตฟอร์มต่างๆ
เพื่อนำไปใช้ได้จริงในชุมชนในพื้นที่ห่างไกลและที่ขาดแคลนด้านสาธารณูโภครวมไปถึงการส่งเสริมอาชีพภายในชุมชนที่มีความพร้อมในการพัฒนาและต่อยอดการผลิตเพื่อสร้างเศรษฐกิจชุมชนที่เข้มแข็ง
ซึ่งสวทช. มีโครงการวิจัยที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในมิติต่างๆ ขณะที่GPSCพร้อมเข้าไปสนับสนุนขยายผลงานวิจัยในด้านการพัฒนาเทคโนโลยี ด้านการบริหารจัดการพลังงานและสิ่งแวดล้อม
เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้และนำผลงานไปใช้ประโยชน์ในชุมชนที่ GPSC
เข้าไปสนับสนุน รวมทั้งจัดหาทรัพยากรด้านต่างๆ
ทั้งบุคลากรอุปกรณ์เทคโนโลยีด้านพลังงานเพื่อนำไปสู่การพัฒนาในชุมชนเป้าหมายอื่นๆต่อไปหลังจากที่มีการพัฒนาแพลตฟอร์มให้กับชุมชนนำร่อง
2 แห่งแรกนี้
สำหรับการพัฒนาโครงการนำร่อง GPSC Smart Farming (เกษตรอัจฉริยะ)ได้มีการนำแพลตฟอร์มนวัตกรรมนาโนเพื่อพลังงานและสิ่งแวดล้อมมาพัฒนาใน
2 ชุมชน โดยชุมชนนำร่องแรกได้แก่
พื้นที่บ้านห้วยขาบ อ.บ่อเกลือ จ.น่าน ที่ประกอบด้วย 2
โครงการย่อย คือ 1.1 การส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจแบบหมุนเวียน
มุ่งเน้นการจัดอบรมให้ความรู้และประโยชน์ของการปลูกพืชหมุนเวียนตลอดจนพันธุ์พืชที่เหมาะสมการเพาะปลูกในแต่ละฤดูกาล
(Training & Workshop) และ 1.2
ระบบเกษตรอัจฉริยะในโรงเรือน โดยพัฒนาระบบอัจฉริยะที่เหมาะสมกับพื้นที่
ติดตั้งระบบและทดสอบการใช้งาน ประกอบด้วย การติดตั้งพลังงานหมุนเวียน (RE) การปลูกพืชด้วยแสง LED ระบบการให้น้ำอัจฉริยะและระบบเซนเซอร์สำหรับการติดตามสภาพแวดล้อม
ในส่วนของชุมชนนำร่องที่ 2
ได้แก่ พื้นที่บ้านสวนต้นน้ำ อ.เขาชะเมา จังหวัดระยอง ประกอบด้วย 2
โครงการ คือ 2.1 ‘Magik Growth’ นวัตกรรมถุงห่อทุเรียนแทนการฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช
และช่วยทำให้เปลือกบาง-เนื้อหนาขึ้นเป็นการช่วยเกษตรกรประหยัดต้นทุน
และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG
(Bio-Circular-Green Economy)โดยจากงานวิจัยพบว่าทุเรียนที่ห่อด้วยถุง Magik
Growthจะมีเปลือกบางลง30%ทำให้น้ำหนักรวมของผลทุเรียนเพิ่มขึ้น
10% ขณะที่เนื้อจะแน่นขึ้นและมีสีเหลืองขึ้น และ 2.2
Application ตรวจวัดความสุกของทุเรียน
พัฒนาจากการตรวจวัดด้วยคลื่นเสียง แสดงผลใน Application บนมือถือเพื่อแสดงระดับความสุกของทุเรียนแต่ละลูก
ช่วยให้เกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวทุเรียนในระยะเวลาที่เหมาะสม
ทำให้ขายได้ราคาดีขึ้นเนื่องจากทุเรียนมีความสุกพอดี
"Smart Farming จะสอดรับกับการใช้ชีวิตวิถีใหม่
โดยเฉพาะหลังการแพร่ระบาดโควิด 19
ซึ่งมีแรงงานที่มีความรู้กลับไปอยู่ภูมิลำเนาจำนวนมาก
เพื่อไปพัฒนาการเกษตรโดยนำเทคโนโลยีและองค์ความรู้มาต่อยอดสู่ความมั่นคงและปลอดภัยในชีวิต
โดยการยกระดับปัจจัย 4 ด้าน ได้แก่ 1.ลดต้นทุนในกระบวนการผลิต2.เพิ่มคุณภาพมาตรฐานการผลิตและมาตรฐานสินค้า3.ลดความเสี่ยงในเรื่องการระบาดของศัตรูพืชและภัยธรรมชาติและ4.ถ่ายทอดองค์ความรู้โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่จะมุ่งเน้นการพัฒนาโดยใช้พลังงานเพื่อให้สามารถบริหารจัดการผลผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คุณภาพและมาตรฐานที่จะนำไปสู่การสร้างโอกาส อาชีพ
และรายได้อย่างยั่งยืนในภูมิภาคต่างๆ ของไทย โดย GPSC สนับสนุนการจัดหาทรัพยากรทั้งอุปกรณ์
บุคลากร และสวทช. พัฒนาแพลตฟอร์มเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้งาน" นายวรวัฒน์กล่าว
ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
(สวทช.) กล่าวว่า "โครงการผลักดันวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและนวัตกรรม(วทน.)สู่การใช้ประโยชน์ในชุมชนอย่างยั่งยืน" ระหว่าง
2 หน่วยงาน มุ่งเน้นการนำองค์ความรู้ด้าน
วทน.ไปสู่การใช้ประโยชน์ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดการพัฒนา
ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรในประเทศ
สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศด้วยโมเดล BCG โดย
สวทช. ในฐานะเลขาของคณะกรรมการบริหาร BCG ของกระทรวง อว.
ได้มีส่วนในการนำเอาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ร่วมขับเคลื่อนตั้งแต่เรื่องเกษตรอาหาร สุขภาพการแพทย์
พลังงานและเคมีชีวภาพตลอดจนท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์
เพื่อมุ่งให้นำพาประเทศไทยก้าวข้ามกับดักประเทศรายได้ปานกลางไปสู่ประเทศรายได้สูงและมีการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน
"ความร่วมมือครั้งนี้
เราก็จะนำเทคโนโลยี นวัตกรรม องค์ความรู้ รวมถึงบุคลากรผู้เชี่ยวชาญของ สวทช.
มาผนึกกำลังให้โครงการ GPSC Smart Farming (เกษตรอัจฉริยะ)
ที่ใช้งานวิจัยและนวัตกรรมของ สวทช. อาทิ IoT ในระบบโรงเรือนอัจฉริยะ,
นวัตกรรมฟิล์มคลุมโรงเรือน MultiTech และ
MultiTech-Ultra,ถุงห่อผลไม้นอนวูฟเวนเพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร,
เมล็ดพันธุ์ เพื่อส่งเสริมการปลูกพืชหมุนเวียน, ปุ๋ยนาโนคีเลต,
แอพพลิเคชั่นวัดความสุกของทุเรียน
รวมถึงเครื่องย่อยสลายขยะอินทรีย์นาโน สำหรับผลิตสารคาร์บอน และสารปรับปรุงดิน
เป็นต้นซึ่งเป็นการบูรณาการองค์ความรู้ในทุกมิติ เพื่อขับเคลื่อนชุมชนและประเทศอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
มีคุณภาพและยั่งยืนด้วย วทน." ดร.ณรงค์กล่าว