นายชัชพล ประสพโชค
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน)
หรือ "UAC" แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ถึงผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2565 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2565) ว่า
ผลการดำเนินของบริษัทฯในไตมาสแรกมีการเติบโตต่อเนื่อง
โดยมีรายได้จากการขายและการให้บริการ จำนวน 510.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 175.24
ล้านบาท หรือร้อยละ 52.33 (YoY) และมีกำไรส่วนที่เป็นของบริษัทฯ 71.88
ล้านบาท โดยมี Gross Margin ที่ระดับ 11.31% ส่งผลให้ EBITDA
ณ สิ้นไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ระดับ 110.68 ล้านบาท ส่วนด้าน ROE
นั้นอยู่ที่ 17.16%
ทั้งนี้
สาเหตุรายได้รวมมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากการเติบโตของธุรกิจเทรดดิ้ง
ที่ได้รับ Big lot จำนวน 143.30 ล้านบาท จากกลุ่ม Industrial
และกลุ่ม Energy ซึ่งมีการจำหน่ายจำหน่ายสารเคมี และอุปกรณ์อุตสาหกรรมพลังงานและปิโตรเลียม
กลุ่มธุรกิจสำรวจและผลิตก๊าซธรรมชาติ โรงกลั่นน้ำมัน โรงแยกก๊าซ
และอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เพิ่มขึ้น 25.53 ล้านบาท
รวมถึงการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากของรายได้กลุ่มเคมีภัณฑ์ จำนวน 27.68 ล้านบาท
จากการฟื้นตัวตามทิศทางเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลาย
รวมถึงการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว
ขณะที่การผลิตของโรงงาน PPP และโรงไฟฟ้าเสาเถียร
มีการผลิตเพิ่มขึ้น หลังจากได้รับก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นกว่า 1.3 MMSCFD ส่งผลให้มียอดขายทั้งในส่วนของก๊าซเชื้อเพลิง
C1 ก๊าซหุงต้ม (LPG) และก๊าซโซลีนธรรมชาติ
(NGL) มีการปรับตัวอย่างโดดเด่น จึงทำให้กลุ่ม UAC
มีกำไรขั้นต้นรวม 57.68 ล้านบาท
นอกจากนี้ ภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 2/2565
ว่า บริษัทพร้อมเดินหน้าลงทุนในธุรกิจด้านพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทน
ควบคู่ไปกับการเร่งขยายการตลาดในส่วนของธุรกิจเทรดดิ้ง ไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ
มากขึ้น เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้ในปีนี้ แตะระดับ 2,000 ล้านบาท
รวมถึงการรักษาอัตรากำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ภาษี
และค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) มากกว่า
420 ล้านบาท ของรายได้ยอดขายรวมให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
โดยในไตรมาส 2/2565
บริษัทฯจะเริ่มทยอยเปิดให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV charging station)ภายใต้การร่วมลงทุนกับ
บมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) ภายใต้ "พีพีดับบลิวอี" (PPWE)
ตามแผนการลงทุนสร้างเฟสแรก จำนวน 4 สถานี หรือ 12 หัว ประกอบด้วย
กรุงเทพมหานคร 1 แห่ง จังหวัดนครราชสีมา 2 แห่ง และจังหวัดจันทบุรี 1 แห่ง
ส่วนโครงการลงทุนในแหล่งปิโตรเลียมหมายเลข
L10/43 และ L11/43
ในพื้นที่ผลิตปิโตรเลียมอรุโณทัยและบูรพา จังหวัดสุโขทัย นั้น ยังคงเดินหน้าตามแผนที่วางไว้
โดยคาดว่าจะมีการเข้าสำรวจปริมาณปิโตรเลียมสำรองในพื้นที่สัมปทานดังกล่าว
เพื่อต้องการทราบปริมาณปิโตรเลียมที่ชัดเจนได้ในไตรมาส 2/2565 นี้
และคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 3/2565 ซึ่งตั้งเป้าผลิต 500
บาร์เรลต่อวัน สร้างรายได้เพิ่ม 300 ล้านบาทต่อปี
อย่างไรก็ตาม
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนภูผาม่าน ที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งมีขนาดการผลิตไฟฟ้า 3
เมกะวัตต์นั้น
จะพร้อมจ่ายไฟเข้าระบบได้ภายใน 3 เดือนนับจากได้รับ PPA ซึ่งถือว่าเป็นโรงไฟฟ้าแรกที่มีความพร้อมที่สุดในการดำเนินการเมื่อเทียบโครงการอื่น
ๆ ที่ผ่านการคัดเลือกในโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง)
พ.ศ. 2565