นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์
กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ปี
2565 เอ็กโก กรุ๊ป มีกำไรจากการดำเนินงาน
(ไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ภาษีเงินได้รอการ ตัดบัญชี
การด้อยค่าของสินทรัพย์ การวัดมูลค่าเครื่องมือทางการเงิน
และการรับรู้รายได้แบบสัญญาเช่า) 4,511
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,423 ล้านบาท หรือคิดเป็น 116%
เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,115
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,530 ล้านบาท หรือคิดเป็น 603%
เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งดังกล่าวมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้า
"พาจู อีเอส" ประเทศเกาหลีใต้
เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจของประเทศเกาหลีใต้เริ่มฟื้นตัว
ทำให้มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับพาจู อีเอสเป็นโรงไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพและมีการบริหารจัดการต้นทุนเชื้อเพลิงที่ดี
รวมทั้งการรับรู้รายได้จากการลงทุนในโรงไฟฟ้า "ลินเดน
โคเจน" และ "เอเพ็กซ์ คลีนเอ็นเนอร์ยี โฮลดิ้ง"
ประเทศสหรัฐอเมริกา
สำหรับความเคลื่อนไหวทางธุรกิจที่สำคัญของเอ็กโก
กรุ๊ป ในไตรมาสที่ 1 ปี 2565
ได้แก่ การลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับพันธมิตรเพื่อร่วมศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาธุรกิจ
LNG และขยายโอกาสการใช้ไฮโดรเจนและแอมโมเนียเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า
ทั้งนี้ เอ็กโก กรุ๊ป
เล็งเห็นศักยภาพของไฮโดรเจนที่จะเป็นเชื้อเพลิงหลักในอนาคตและจะช่วยผลักดันอุตสาหกรรมพลังงานโลกเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
จึงร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญศึกษาการลงทุนธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากไฮโดรเจนในรูปแบบต่าง
ๆ เพื่อก้าวเข้าสู่ธุรกิจนี้อย่างเป็นรูปธรรมและเป็นผู้นำในธุรกิจนี้ในอนาคต
"ผลประกอบการของเอ็กโก กรุ๊ป
ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง
เป็นผลมาจากนโยบายของบริษัทในการสร้างความสมดุลของพอร์ตโฟลิโอธุรกิจไฟฟ้า
ทั้งความหลากหลายของเชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตไฟฟ้าและการกระจายการลงทุนใน 8
ประเทศ ซึ่งช่วยกระจายความเสี่ยง รักษาเสถียรภาพ พร้อมสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์ต่าง ๆ
ทางเศรษฐกิจอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
รวมทั้งการบริหารการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าให้เกิดความสมดุลและสอดคล้องกับต้นทุนเชื้อเพลิง
ดังนั้น ต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นจากวิกฤตพลังงานโลก อันเนื่องมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน
จึงไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลการดำเนินงานของบริษัท" นายเทพรัตน์กล่าว
ในปี 2565
เอ็กโก กรุ๊ป ครบรอบการดำเนินงาน 30 ปี
ซึ่งบริษัทมีรากฐานที่มั่นคงจากกลุ่มธุรกิจผลิตไฟฟ้าซึ่งเป็นธุรกิจกลางน้ำ
และปัจจุบันขยายสู่กลุ่มธุรกิจเชื้อเพลิงและสาธารณูปโภค ซึ่งเป็นธุรกิจต้นน้ำ
และต่อยอดสู่กลุ่มธุรกิจปลายน้ำ ด้วยความมุ่งมั่นในการเป็นผู้ดำเนินธุรกิจพลังงานครบวงจรชั้นนำ
เอ็กโก กรุ๊ป จะขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยกลยุทธ์ "EGCO" ได้แก่
การเสริมสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจผลิตไฟฟ้าที่มีอยู่ทั้งพลังงานดั้งเดิมและพลังงานหมุนเวียน
(Enhance existing business) การสร้างความเติบโตและแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง
(Grow and seek for energy-related business) การดำเนินงานภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
(Corporate governance consistency) และการบริหารจัดการองค์กรที่มุ่งสู่ความเป็นเลิศในทุกด้าน
(Operational excellence)
"เอ็กโก กรุ๊ป
เติบโตอย่างแข็งแกร่งตลอดเส้นทางการดำเนินงานกว่า 30 ปี
และยังคงมุ่งมั่นแสวงหาโอกาสการลงทุนที่สอดคล้องกับทิศทางพลังงานโลกและแผนพลังงานชาติ
เพื่อสร้างผลตอบที่ดี สม่ำเสมอ และยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้น ควบคู่กับการดำเนินงานตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน
(ESG) ในทุกพื้นที่ที่ดำเนินกิจการ ภายใต้แนวคิด "Cleaner,
Smarter and Stronger to Drive Sustainable Growth" นายเทพรัตน์
กล่าวทิ้งท้าย