นายสราวุธ แก้วตาทิพย์
อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ รับมอบหลักประกันการรื้อถอนสิ่งติดตั้งที่ใช้ในการประกอบกิจการปิโตรเลียม
จาก บริษัท บุษราคัม มโนรา จำกัด และTap Energy (Thailand) Pty Ltd. ผู้รับสัมปทานแปลงสำรวจปิโตรเลียมในทะเลอ่าวไทยหมายเลข
G1/48 (แหล่งผลิตมโนราห์) ณ ชั้น 21
กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ
การวางหลักประกันการรื้อถอนสิ่งติดตั้งที่ใช้ในการประกอบกิจการปิโตรเลียมครั้งนี้
เป็นการแสดงออกถึงความรับผิดชอบของผู้รับสัมปทานปิโตรเลียม
ในการปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมายและหน้าที่รับผิดชอบการรื้อถอนสิ่งติดตั้งที่ใช้ในกิจการปิโตรเลียม
รวมทั้งทำให้รัฐมีความมั่นใจว่าผู้รับสัมปทานจะไม่ละทิ้งหน้าที่ในการรื้อถอนสิ่งติดตั้งภายหลังสิ้นสุดการใช้งาน
ตลอดจนไม่เป็นภาระแก่รัฐสำหรับค่าใช้จ่ายในการรื้อถอน
โดยผู้รับสัมปทานได้ดำเนินการยื่นขอความเห็นชอบแผนงานการรื้อถอนเบื้องต้นและประมาณการค่าใช้จ่ายในการรื้อถอน
และวางหลักประกันการรื้อถอนฯ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดแผนงาน
ประมาณการค่าใช้จ่าย
และหลักประกันในการรื้อถอนสิ่งติดตั้งที่ใช้ในกิจการปิโตรเลียม พ.ศ. 2559
ทั้งนี้ แหล่งผลิตมโนราห์ ตั้งอยู่ในเขตแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G1/48
สัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 7/2549/75 ได้รับสัมปทานเมื่อ 8 ธันวาคม 2549
โดยมีช่วงสำรวจปิโตรเลียมเป็นเวลา 6 ปี และเริ่มเข้าสู่ช่วงระยะเวลาผลิตปิโตรเลียม
20 ปี ตั้งแต่ 8 ธันวาคม 2555 ถึงวันที่ 7 ธันวาคม 2578 โดยมีผู้รับสัมปทานจำนวน 2
ราย ประกอบด้วย บริษัท บุษราคัม มโนรา จำกัด และ Tap Energy (Thailand) Pty
Ltd.
ปัจจุบันแหล่งผลิตมโนราห์ สามารถผลิตน้ำมันดิบได้เฉลี่ยวันละ 5,200 บาร์เรล
(ข้อมูลเฉลี่ยเดือนมิถุนายน 2565) ประกอบด้วยสิ่งติดตั้ง ดังนี้ แท่นผลิต
หลุมปิโตรเลียม หลุมอัดกลับน้ำ ท่อขอส่งปิโตรเลียม และเรือกักเก็บน้ำมันดิบซึ่งที่ผ่านมาแหล่งผลิตปิโตรเลียมดังกล่าว
สามารถสร้างรายได้ให้แก่ภาครัฐในรูปแบบค่าภาคหลวง
โดยผู้รับสัมปทานได้ชำระค่าภาคหลวงปิโตรเลียมตั้งแต่เริ่มผลิต (วันที่ 11
พฤศจิกายน 2557) จนถึงปี 2564 รวมเป็นมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท