นายกฤษณ์ อิ่มแสง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน)
หรือ IRPC เปิดเผยว่า บริษัทฯ
ดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ "สร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้วัสดุและพลังงาน
เพื่อชีวิตที่ลงตัว" ที่มากกว่าการเป็นผู้นำในธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นน้ำมัน
ควบคู่กับการสร้างสมดุลให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม
พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงของทิศทางเศรษฐกิจ สังคม พลังงาน
และพฤติกรรมผู้บริโภคตามเทรนด์ของโลก
เพื่อตอบโจทย์ความต้องการในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (New S-curve) ตามนโยบาย
Thailand 4.0 เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า พลังงานทดแทน
และวัตถุดิบสำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นต้น ท่ามกลางวิกฤตต้นทุนพลังงาน
รวมทั้งเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
โดยล่าสุด IRPC ได้ร่วมมือกับ
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ศึกษาการลงทุนตามกลยุทธ์ Advanced Business
Integration (ABI) โดยจะร่วมกันพัฒนา 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่
ธุรกิจผลิตวัสดุประสิทธิภาพชั้นสูง (High Performance Materials) ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนสำคัญของ
Li-ion แบตเตอรี่ (Battery Component) ธุรกิจการทำให้สารบริสุทธิ์
(Purification) และธุรกิจเกี่ยวกับเคมีภัณฑ์เพื่อชีวิต (Chemical
for Life) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและต่อยอดผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก
โดยในช่วงเริ่มต้นจะเน้นการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนธุรกิจเกี่ยวกับแผ่นกรองอากาศ
และน้ำ (Air และ Water Purification) ซึ่งสอดรับกับแนวโน้มของผู้บริโภคที่หันมาดูแลรักษาสุขอนามัยมากขึ้น
พร้อมเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ต่อยอดผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก Polypropylene
(PP) และ Acrylonitrile Butadiene Styrene
(ABS) ของ IRPC อีกด้วย
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี
2565 IRPC มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (Market
GIM) อยู่ที่ 4,485 ล้านบาท (7.05 เหรียญสหรัฐฯ
ต่อบาร์เรล) ลดลงจากไตรมาส 2 ปี 2565 8,077 ล้านบาท หรือร้อยละ 64 โดยมีสาเหตุหลักจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง
โดยเฉพาะน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล ประกอบกับต้นทุน Crude Premium ปรับตัวเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทฯ บันทึก Stock loss จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง
ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2565 ขาดทุนสุทธิ 2,549 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2565
มีกำไรสุทธิ 2,785 ล้านบาท
แนวโน้มภาวะตลาดน้ำมันดิบในไตรมาส 4 ปี
2565 คาดว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับสูง
เนื่องจากความต้องการใช้พลังงานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล
นอกจากนี้การที่กลุ่มโอเปกและพันธมิตรมีมติปรับลดการผลิตลง 2.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 ถึงเดือนธันวาคม 2566
เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนราคาน้ำมันดิบ
ส่วนแนวโน้มภาวะตลาดปิโตรเคมีในไตรมาส 4 ปี 2565
คาดว่าความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจะฟื้นตัวขึ้น ตามสถานการณ์ COVID-19
ทั่วโลกที่ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับการเข้าสู่ช่วงงานเทศกาลปลายปี
รวมทั้งความต้องการ จากกลุ่มธุรกิจ New S-Curve เช่น
EV Car, Charging station ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงความต้องการในกลุ่ม Robotics ที่ในปัจจุบันได้ถูกนำมาใช้ทดแทนแรงงานคนมากขึ้น
นอกจากนี้ กำลังการผลิตใหม่ที่เดิมคาดว่าจะเพิ่มเข้ามาในปี 2565 นี้
อาจจะมีการเลื่อนการผลิตออกไป และหลายโรงงานมีการประกาศลดอัตรากำลังการผลิตลง
IRPC มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม การบริหารงานตามหลักบรรษัทภิบาล
และคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้าน
จนสามารถคว้ารางวัลเกียรติยศแห่งความสำเร็จด้านความยั่งยืน "Sustainability
Awards of Honor" จากเวที "SET Awards 2022"
และยังได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในรายชื่อ "หุ้นยั่งยืน" Thailand
Sustainability Investment (THSI) ประจำปี 2565 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8
ทั้งนี้ IRPC ยังคงมุ่งเน้นการร่วมมือกับคู่ค้า
ลูกค้า และพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ
เพื่อร่วมกันสนับสนุนและผลักดันการดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล
ควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม