นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์
ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่า ภายหลังจากพระราชกำหนด
(พ.ร.ก.) ผ่อนผันให้
กระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565
มีผลใช้บังคับ โดยเสนอเข้าสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พิจารณาเรียบร้อยแล้วนั้น
ทางสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.)
มีแผนการดำเนินการกู้เงินโดยจะผ่านการพิจารณาทั้งจากคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
(กบน.) และขอความเห็นชอบจาก สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ซึ่งการกู้เงินในปี
2565 สกนช. มีแผนจะทำการกู้เงินรวมทั้งสิ้น 30,000 ล้านบาท โดย สกนช. ได้เริ่ม
ดำเนินการกู้เงินจากสถาบันการเงินแล้วจำนวน 10,000 ล้านบาท
จากธนาคารกรุงไทยและธนาคารออมสิน โดยมีแผนการชำระหนี้ประมาณ 7 ปี
ส่วนที่เหลืออีกจำนวน 120,000 ล้านบาท สกนช. จะทยอยการกู้เงิน และนำเสนอต่อ กบน.
และขอความเห็นชอบ สบน. ในปี 2566
ตามสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในแต่ละช่วงเวลาของสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกในขณะนั้น
สำหรับการประกาศให้มี พ.ร.ก.
ผ่อนผันให้กระทรวงการคลังค้ำประกัน การชำระหนี้ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
พ.ศ. 2565 เกิดขึ้นจากสถานการณ์ที่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกปรับตัวขึ้น
อย่างรวดเร็วจนเกิดวิกฤตทำให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศปรับตัวสูงขึ้น
อย่างต่อเนื่องกระทบต่อภาวะค่าครองชีพและการดำรงชีพของประชาชน
และกระทบต่อการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการและเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม สกนช.
จำเป็นต้องกู้เงินอย่างเร่งด่วนเพื่อนำมาใช้ในการรักษาเสถียรภาพ
ระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงแต่เนื่องจากกระทรวงการคลังไม่อาจค้ำประกัน
การชำระหนี้ของ สกนช. ได้ จึงจำเป็นต้องผ่อนผันให้กระทรวงการคลัง
ค้ำประกันการชำระหนี้ของ สกนช.
ปัจจุบันประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
วันที่ 20 พฤศจิกายน 2565 ติดลบ 131,405 ล้านบาท