นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร
ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และนายจันทะบูน สุกอาลุน
ผู้อำนวยการใหญ่รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (EDL) ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจด้านธุรกิจโทรคมนาคม
ธุรกิจเดินเครื่องและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า และธุรกิจ Smart Energy Solutions โดยมี
ดร.จิราพร ศิริคำ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ และนายวิละพอน วิสุนนะลาด
รองผู้อำนวยการใหญ่ EDL ร่วมลงนามเป็นสักขีพยาน
มีผู้บริหารจากทั้งสองหน่วยงาน พร้อมด้วยบริษัท ผลิต-ไฟฟ้าลาว (มหาชน) และบริษัท
ไฟฟ้าน้ำงึม 3 พาวเวอร์ จำกัด เข้าร่วมในพิธี ณ สำนักงานใหญ่
EDL กรุงเวียงจันทน์
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เมื่อวันที่ 1
กุมภาพันธ์ 2566
นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการ
กฟผ. กล่าวว่า ประเทศไทยและ สปป.ลาว
เริ่มต้นความสัมพันธ์ด้านพลังงานไฟฟ้ามาอย่างยาวนานเกือบ 60 ปี
ทั้งการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้า การพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้า การซื้อขายไฟฟ้า
การแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านเทคนิควิศวกรรม งานวิชาการ การพัฒนาบุคลากรระหว่างหน่วยงาน
โดยความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้าระหว่างสองประเทศช่วยส่งเสริมให้ระบบไฟฟ้ามีความมั่นคง
ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสานต่อความร่วมมือในการเชื่อมโยงโครงข่ายระบบไฟฟ้าของทั้งสองประเทศให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
การลงนามบันทึกความเข้าใจในวันนี้ถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่รัฐวิสาหกิจของสองประเทศจะได้แบ่งปันศักยภาพ
สร้างความร่วมมือในด้านพลังงานให้มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น กฟผ.
จะนำองค์ความรู้ที่มีอยู่ ไม่เพียงแต่เฉพาะความรู้ทางด้านเทคนิควิศวกรรม
งานบำรุงรักษา งานโทรคมนาคม งานวิชาการ และการพัฒนาบุคลากร
แต่ยังรวมไปถึงโอกาสในการพัฒนาระบบจัดการระบบไฟฟ้า Smart Energy Solutions ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่สอดรับกับพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าในอนาคต
โดยไทยได้เริ่มเดินหน้าเรื่องนี้กันอย่างเต็มที่จึงคาดว่าจะสามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับ
สปป.ลาว เพื่อขยายการดำเนินงานไปยังประเทศอื่น ๆ ซึ่ง กฟผ.
พร้อมให้ความร่วมมือและยินดีที่จะเคียงข้างอย่างเกื้อกูลกันต่อไป
นายจันทะบูน สุกอาลุน ผู้อำนวยการใหญ่ EDL
กล่าวว่า
หากทั้งสององค์การมีความร่วมมือทางธุรกิจจะสามารถต่อยอดการดำเนินงานได้หลายด้าน
อาทิ ระบบ Fiber Optic ซึ่งประเทศไทย และ สปป.ลาว
ใช้ระบบดังกล่าวทั้งในประเทศและเชื่อมโยงระหว่างกัน รวมถึง สปป. ลาว
ยังมีการเชื่อมโยงกับสาธารณรัฐประชาชนจีน เวียดนาม
และกัมพูชาจึงเชื่อว่าจะสามารถขยายเป็นธุรกิจด้านโทรคมนาคมร่วมกันได้
ส่วนธุรกิจเดินเครื่องและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า (Operation and Maintenance หรือ
O&M) ปัจจุบัน สปป.ลาว มีเขื่อนประมาณ 80
แห่งทั่วประเทศ และมีอุปกรณ์ไฟฟ้าจำนวนมาก
ดังนั้นในอนาคตอันใกล้งานเดินเครื่องและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าจะมีความต้องการสูง
จึงเป็นโอกาสที่จะได้ร่วมกันพัฒนาการดำเนินงานตามมาตรฐานสากล
และพัฒนาทรัพยากรบุคคลของ EDL ด้วย สุดท้ายในด้านของ Smart
Energy Solutions เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องร่วมมือกันพัฒนาต่อยอด
โดยการลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้จะนำไปสู่การศึกษารายละเอียดการดำเนินงาน
หากมีเรื่องใดที่สามารถพัฒนาต่อยอดได้ ก็พร้อมยินดีที่จะร่วมมือกับ กฟผ. ต่อไป
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ครอบคลุมธุรกิจจำนวน
3 ด้าน ได้แก่ 1) ธุรกิจโทรคมนาคม
กฟผ. และ EDL จะร่วมกันพัฒนาธุรกิจโทรคมนาคมใน สปป.ลาว
โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ของแต่ละฝ่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงโครงข่าย Fiber
Optic ระหว่างประเทศไทยและ สปป.ลาว 2) ธุรกิจเดินเครื่องและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า
ซึ่งจะร่วมกันแสวงหาโอกาสพัฒนาธุรกิจการให้บริการงานเดินเครื่องและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน
สปป.ลาว ต่อไป อาทิ โครงการไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 3 3) เรื่อง
Smart Energy Solutions กฟผ. และ EDL จะแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อร่วมกันพัฒนาระบบ
Smart Energy Solutions ในส่วนของสมาร์ทไมโครกริดและแสวงหาพื้นที่ที่มีศักยภาพใน
สปป.ลาว ที่สามารถพัฒนาต่อยอดระบบดังกล่าวได้
โดยผู้แทนของสองประเทศจะร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ ทรัพยากร
และข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ทั้งนี้บันทึกความเข้าใจดังกล่าวมีกรอบระยะเวลาความร่วมมือเป็นเวลา
3 ปี