นางสาวพงษ์ลดา พะเนียงเวทย์ CEO
& Co-Founder, freshket เปิดเผยว่า หลังจากที่ บริษัท
ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ได้เข้าร่วมลงทุนใน
‘freshket’ ด้วยเงินลงทุนมูลค่ากว่า 14.5
ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 500 ล้านบาทเมื่อ 19 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมานั้น freshket
และ OR เล็งเห็นโอกาสในการร่วมมือกันพัฒนาธุรกิจที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์
โดย freshket ได้มุ่งขยายขอบเขตการให้บริการกับกลุ่มธุรกิจ HoReCa
(โรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจจัดเลี้ยง)
ในไทยที่มีมูลค่าการซื้อขายวัตถุดิบรายปีกว่า 400,000 ล้านบาท
โดยการนำเทคโนโลยีด้าน Supply Chain มาช่วยเสริมศักยภาพให้กับกลุ่มธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม
และกลุ่มธุรกิจประเภทอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้เครือ OR รวมถึงผู้ประกอบการรายย่อย
ให้ได้เข้าถึงแหล่งวัตถุดิบคุณภาพ ในราคาที่เหมาะสม เพื่อเติมเต็มระบบนิเวศของ OR
ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และยังส่งผลให้ freshket เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงปีที่ผ่านมา
การร่วมมือกันครั้งนี้ยังถือเป็นการสร้างความได้เปรียบทางต้นทุน
และส่งเสริมการพัฒนาระบบปฏิบัติการของ freshket ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะกระจายโอกาสการเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบคุณภาพสูงสู่กลุ่มธุรกิจอาหารทุกขนาดในชุมชน
freshket และ
OR จึงจัดตั้งจุดกระจายสินค้าในสถานีบริการ PTT
Station เพื่อให้สามารถกระจายสินค้าได้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น
ช่วยกระชับระยะทางในการจัดส่งสินค้า ครอบคลุมพื้นที่การให้บริการที่กว้างขึ้น
ยกระดับสู่ ‘Operations Excellence’ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และรายย่อย
อีกทั้งยังรองรับการเติบโตของธุรกิจ
ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาธุรกิจของ freshket ในอนาคต
ไม่ว่าจะเป็นการริเริ่มต่อยอดธุรกิจในรูปแบบต่างๆ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่
ไปจนถึงการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงการบริการ เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ๆ
ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจในอนาคต freshket ยังยึดมั่นที่จะขับเคลื่อน
Food Supply Chain หรือห่วงโซ่อุปทานอาหารของไทยให้เป็นวัฏจักรที่ยั่งยืน
โดยการผนึกกำลังกับ OR ถือเป็นแรงผลักดันสำคัญในการร่วมมือกับทุกภาคส่วน
ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ หรือภาคสังคม ตั้งแต่เกษตรกร และผู้ประกอบการ กลุ่มธุรกิจ HoReCa
(โรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจจัดเลี้ยง) รวมถึงผู้บริโภค
ให้เติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ freshket และ
OR ยังมีเป้าหมายและวิสัยทัศน์ขององค์กรในทิศทางเดียวกัน
โดยยึดมั่นในเจตนารมณ์การขับเคลื่อนธุรกิจด้วยความยั่งยืน
เพื่อการเติบโตร่วมกันของทุกภาคส่วนในสังคม (Inclusive growth) freshket จึงมุ่งเน้นการลด
Carbon Footprint ในทุกกระบวนการ และทุกภาคส่วนขององค์กร
ตั้งแต่กระบวนการคัดเลือกผลผลิตทางการเกษตรที่ผ่านกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ถูกสุขลักษณะ และปลอดภัยต่อผู้บริโภคเท่านั้น
จนถึงการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการขนส่งสินค้า
อย่างการใช้รถพลังงานไฟฟ้าในการขนส่ง
รวมทั้งการใช้กล่องหมุนเวียนในการจัดส่งสินค้าซึ่งจะช่วยลดการเกิดขยะ
เพื่อส่งเสริมแนวคิดการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน
นางสาวราชสุดา รังสิยากูล
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการโครงการ ORion บริษัท
ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่า
OR มีกรอบกลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจใหม่ด้วยการต่อยอดจากธุรกิจเดิม
ผ่านการเชื่อมต่อจากช่องทางออฟไลน์ไปสู่ออนไลน์ (Offline-to-Online) เพื่อตอบโจทย์การเดินทางแบบไร้รอยต่อ
(Seamless Mobility) และตอบสนองต่อการใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่หลากหลาย
(All Lifestyle)
ปัจจุบัน OR และ
freshket ได้ร่วมกันจัดตั้งจุดกระจายสินค้าของ freshket
ที่สถานีบริการ PTT Station มัยลาภ และ PTT Station ตลิ่งชัน
บรมราชชนนี กม.1 และมีแผนจัดตั้งจุดกระจายสินค้าใน PTT Station อื่นๆ
ทั่วประเทศ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดระยะทางในการจัดส่งสินค้าไปยังลูกค้า
ช่วยลดค่าใช้จ่าย ลดการใช้ทรัพยากรและลดการสร้างมลภาวะจากการขนส่งแล้ว ยังสอคคล้องกับแนวทางในการเชื่อมต่อช่องทางออฟไลน์ไปสู่ออนไลน์
(Offline-to-Online) โดยใช้พื้นที่สถานีบริการ PTT Station ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศให้เป็นประโยชน์สูงสุด
นอกจากนี้
ความร่วมมือข้างต้นยังเป็นการสนับสนุนเกษตรกร
ตลอดจนช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยให้สามารถสั่งสินค้าได้ตามความต้องการขายโดยไม่จำเป็นต้องเก็บสำรองวัตถุดิบ
เพิ่มความสามารถในการดำเนินธุรกิจได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น ทั้งในมุมของการสร้างงาน
สร้างอาชีพ สำหรับเกษตรกรและการสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย นอกจากนี้
การซื้อสินค้าผ่าน freshket ยังเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการรายเล็ก
และเมื่อมีผู้ประกอบรายเล็กมากขึ้นจะเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับ ร้านค้า
ผู้ประกอบการกลุ่มธุรกิจ HoReCa ตลอดจนผู้บริโภค
ให้มีโอกาสสั่งซื้อสินค้าจากเกษตรกรหรือผู้ค้ารายย่อยที่หลากหลายมากขึ้น
"การร่วมลงทุนใน freshket และการพัฒนาธุรกิจร่วมกันนี้
สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ "Empowering All toward Inclusive Growth" และแนวทางการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่าน
OR’s SDG ในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น S – SMALL โอกาสเพื่อคนตัวเล็ก
D – DIVERSIFIED โอกาสเพื่อการเติบโตทุกรูปแบบ และ G –
GREEN โอกาสเพื่อสังคมสะอาด หรือมิติด้านสิ่งแวดล้อม
เพื่อตอบโจทย์เป้าหมาย OR 2030 Goals" นางสาวราชสุดา
กล่าว