ปตท.ปรับกลยุทธ์แตกไลน์ธุรกิจใหม่ สอดคล้องแนวโน้มสังคมโลก
พร้อมโชว์ผลประกอบการ ครึ่งปี2559 มีกำไร 48,548 ล้านบาท เพิ่มขึ้น4.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านี้โดยมีปัจจัยสำคัญราคาขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ปรับเพิ่มขึ้นประกอบกับต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติที่ทยอยปรับลดลงตามราคาน้ำมัน
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในอนาคตนั้น
กลุ่ม ปตท. ว่า ได้กำหนดยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย การดำเนินการที่ทำทันที (Do
Now) โอกาสการลงทุนต่อเนื่องในธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ (Decide Now) และ
การแสวงหาธุรกิจใหม่เพื่อความยั่งยืน (Shape Now) โดยกลยุทธ์ที่กลุ่ม
ปตท.สามารถดำเนินการได้ทันที คือ
การเพิ่มประสิทธิภาพและบริหารค่าใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งการทบทวนค่าใช้จ่ายหรืองบลงทุนดังกล่าวนั้นมิใช่จะต้องเป็นการลดค่าใช้จ่ายเสมอไป
แต่ให้ความสำคัญกับการใช้เม็ดเงินหรือทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดผลตอบแทนสูงสุด
(Productivity Improvement Program) ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปีที่แล้ว
ทั้งในด้านการสร้างรายได้ การลดต้นทุน
และการปรับโครงสร้างธุรกิจให้เกิดประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้น
สำหรับโอกาสการลงทุนต่อเนื่องในธุรกิจนั้น
กลุ่ม
ปตท.ได้ให้ความสำคัญกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศได้แก่ ระบบท่อ
คลังก๊าซฯและน้ำมัน ขยายธุรกิจที่มีความเชียวชาญสู่ต่างประเทศ เช่นขยายธุรกิจสถานีบริการน้ำมันและธุรกิจค้าปลีกโดยใช้รูปแบบ Life
Station เป็นต้นแบบ ไปสู่ภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้การลงทุนในสายโซ่อุปทานของแอลเอ็นจี
ที่คาดว่าประเทศไทยจะมีการนำเข้าแอลเอ็นจีมากขึ้นในอนาคต
เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ ปตท. ให้ความสนใจ โดยจะร่วมศึกษากับ
ปตท.สผ.ผลิตแอลเอ็นจีจากแหล่งปิโตรเลียมต่างประเทศ
ปตท.ยังพิจารณารูปแบบการลงทุนที่เสริมความเข้มแข็งของเครือข่ายสถานีบริการน้ำมัน
เช่นการหาพันธมิตรร่วมพัฒนาธุรกิจโรงแรมราคาประหยัด (Budget Hotel) และธุรกิจร้านคาเฟ่
อเมซอนที่ประสบความสำเร็จในประเทศก็ได้เริ่มขยายตลาดในลักษณะขายเฟรนไชส์ในประเทศกัมพูชา
และมีแผนขยายต่อไปยังประเทศฟิลิปปินส์ พม่า ญี่ปุ่น และโอมาน ในอนาคต
เพื่อผลักดันแบรนด์ไทยก้าวสู่การเป็น Global Brand ต่อไป
โดยตั้งเป้าเปิดร้านคาเฟ่อเมซอนในประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนรวม 400 แห่ง ในปี 2563
สำหรับการแสวงหาธุรกิจใหม่เพื่อความยั่งยืนนั้น กลุ่ม
ปตท.จะพัฒนาธุรกิจในรูปแบบใหม่ ให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับแนวโน้มของสังคมโลก
พฤติกรรมการใช้พลังงานในอนาคต
และทันตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและนวัตกรรม
โดยคำนึงถึงกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเพื่ออนาคต เช่น นโยบาย 5+5
คลัสเตอร์ของรัฐบาล โดยจัดตั้งหน่วยงาน ExpresSo
(Express Solution) เพื่อเป็นศูนย์กลางในการวิเคราะห์ คัดเลือกแนวคิดธุรกิจใหม่ๆ
จัดทำเป็นโมเดลธุรกิจต้นแบบ ซึ่งหากมีความเป็นไปได้ก็จะนำมาต่อยอดขยายผลสู่การดำเนินการเชิงพาณิชย์ต่อไป
ในด้านสังคม ปตท. มีแนวทางยกระดับการสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) ให้มีความยั่งยืนขึ้นโดยการสนับสนุนจัดตั้งธุรกิจเพื่อสังคม
(Social Enterprise) แสวงหาการลงทุนที่สามารถเลี้ยงตนเองได้โดยให้ชุมชนมีส่วนร่วมและเป็นเจ้าของ
ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษา เช่น โครงการปลูกไม้เมืองหนาวเพื่อช่วยพัฒนาวิถีเกษตรกร
โครงการโรงไฟฟ้าขยะ และโครงการจัดหาเมล็ดกาแฟจากชุมชนสำหรับร้านคาเฟ่ อเมซอน
เป็นต้น
"ปตท. มีความเชื่อมั่นว่า
ยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจดังกล่าวจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย
สร้างความเข็มแข็งและการเติบโตให้กับกลุ่ม ปตท.
และสังคมไทยควบคู่กันอย่างยั่งยืนต่อไป"นายเทวินทร์ กล่าว
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2559 นั้น
บริษัทมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 24,879 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8
จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 23,746 ล้านบาท
และเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 จากไตรมาสแรกที่มีกำไรสุทธิ 23,669 ล้านบาท
ส่งผลให้ภาพรวมงวดครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 48,548 ล้านบาท
ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 46,330 ล้านบาท
สาเหตุหลักจากราคาขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ปรับเพิ่มขึ้นประกอบกับต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติที่ทยอยปรับลดลงตามราคาน้ำมันที่ลด
ทั้งนี้ ในไตรมาสสองของปีนี้
ปตท.ได้ทบทวนแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาพลังงานที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยปรับลดแผนการลงทุนปี 2559 จาก 50,839 ล้านบาท ซึ่งตั้งไว้เมื่อราคาน้ำมันอยู่ที่
54 เหรียญดอลล่าสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลงเหลือ 43,307 ล้านบาท
เนื่องจากราคาน้ำมันปรับลดลงมาที่ระดับ 40 เหรียญดอลล่าสหรัฐฯต่อบาร์เรล
โดยลดการลงทุนที่ไม่คุ้มทุนในสภาวะราคาน้ำมันตกต่ำ แต่ในระยะต่อไป ปตท.
ได้เพิ่มเติมแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ ท่าและคลังแอลเอ็นจี และ
ระบบท่อส่งก๊าซฯและน้ำมัน เป็นต้น เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ
ทำให้แผนลงทุน 5 ปี (2559 2563) ปตท. มีวงเงินเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 300,000 ล้านบาท